ทริปตรังนี่ขอบอกว่าเกิดจากที่ท่านแม่เกิดดูทีวีแล้วเจอรายการที่เค้าพาไปกินหมูย่างเมืองตรัง เสร็จแล้วก็บ่นขึ้นมาว่าอยากกินหมูย่างๆๆๆ ไอ้ตอนที่บ่นนั่นพอดี Air Asia มีโปรโมชั่นพอดี เราเลยจัดการจองซะเลย แห่ะๆๆ แต่รอ 6 เดือนได้นะ กว่าจะได้มา เพราะมันเป็นดีลที่ต้องจองล่วงหน้าน๊านนานนนน .. แต่เอาเหอะ เรื่องกินๆนี่ยังไงก็อยากอยู่ตลอดเวลา ความอยากอาหารไม่มีวันลดสำหรับบ้านนี้ XD

20 Sept 2012

ออกจากบ้านตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้า เพราะว่าเครื่องบินออก 9 โมง วันนี้วันธรรมดาเลยไม่รู้ว่ารถจะติดไหม เลยต้องเผื่อเวลาไว้สักหน่อย ถึงจะทำ web check-in มาแล้วก็เหอะ … แต่เป็นว่ารถไม่ติดเลยแฮะ ไปถึงโหลดกระเป๋าแล้วก็ยังมีเวลาไปหาข้าวเช้ากินได้อีกเกือบชั่วโมง .. เลยนั่งเพลินๆจนถึงเวลาเครื่องออก ซึ่งคราวนี้ air asia ไม่ดีเลย์เลยขอรับ ประทับใจ ^^

10:20 ถึงสนามบิน ทางรถของโรงแรมธรรมรินทร์ธนา ที่โทรไปบอกล่วงหน้าไว้ ก็มารับที่สนามบิน (จริงๆคนที่มารับบอกว่าทางโรงแรมจัดรถมารับทุกเที่ยวบินของ air asia, nok air แหล่ะ) เมื่อก่อนจะไม่เสียค่าบริการรับ-ส่งนะ แต่ตอนนี้มีค่าบริการคนละ 90 บาท ต่อเที่ยว แต่พอดีเปิ้ลซื้อ voucher มาให้จากงานไทยเที่ยวไทย เลยเหลือคนละ 50 บาท .. ว่าแต่ไม่เห็นเค้าจะขอ voucher เลยอ่ะ สรุปจริงๆต้องใช้ป่าวเนี่ยะ???

ไปถึงโรงแรมก็ check-in ก่อนเลย จองห้อง superior ธรรมดา เพราะเคยดูจากรีวิวแล้วห้องไม่ต่างกัน แถมห้องที่นี่ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้ว แต่ซื้อเตียงเสริมเพิ่ม จะได้ไม่ต้องนอนเบียดกัน จัดไปคนละเตียงไปเลยยยยย … ห้องที่นี่ก็กลางๆทีวีเก่าๆหน่อย แต่ก็โอเคอยู่นะ เสียอย่างเดียว ห้องน้ำไม่มีสายชำระ -__-”

เอากระเป๋าไปเก็บเรียบร้อยก็ลงไปถามทาง counter ทัวร์ว่าพรุ่งนี้ออกทะเลได้ไหม … เค้าบอกว่าได้ แต่ถ้าเกิดฝนตกหนักจนออกไม่ได้เดี๋ยวคืนเงินให้ เลยจัดการจองไป ไหนๆมาแล้วขอไปดูทะเลตรังซะหน่อย (ถึงเค้าจะบอกว่าตอนนี้ยังไปเกาะกระดานไม่ได้ก็เหอะ) จองทัวร์เสร็จถามแม่ว่าอยากกินอะไร คุณนายตอบมาว่าขออะไรแซ่บๆหน่อย สงสัยเพราะมึนจากการนั่งเครื่องบินมา เราเลยบอกว่างั้นขอเดินไปดูร้านพงษ์โอชาหน่อยนะ เผื่อซื้อหมูย่างไปกินด้วย ร้านนี้ออกจากโรงแรมเดินไปทางซ้ายมือประมาณ 200 เมตรเอง แต่ไปถึงเค้าเก็บร้านกันแล้วอ่ะ ตอนนั้นประมาณ 11 โมงกว่าๆเอง T-T ท่านแม่เลยซื้อหมูย่างราดข้าวร้านข้างๆใส่กล่องมาแทน เพราะดูน่ากินพอตัวอยู่ ซื้อเสร็จแล้วก็ไม่รู้จะไปร้านไหนดีเลยเรียกรถปากกบบอกให้พาไปร้านที่รสชาติแซ่บๆหน่อยยย คุณพี่ปากกบก็พาขับไปอีกนิดเดียวเจอร้านข้าวแกงขายดี (เจ๊รี) มีกับข้าวให้เลือกเยอะเกิ๊นนนน นี่สั่งอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ชื่อเมนูหรอกนะ ไปยืนชี้ๆเอาที่ดูน่ากินมาอ่ะ เสริมด้วยหมูย่างที่ซื้อมาเมื่อกี๊ ส่วนท่านแม่สั่งราดข้าวไปกินคนเดียวไม่แบ่งใคร แถมบอกว่าปลื้มน้ำพริกกะปิที่ร้านนี้มากกกกกก

ด้วยความอยากได้บรรยากาศ หลังกินข้าวเสร็จเลยเหมารถหัวกบ 1,200 พาไปเที่ยวถ้ำเลเขากอบพร้อมแวะที่เที่ยวอื่นเท่าที่พอจะไปได้ เพราะต้องไปวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ออกทะเลทั้งวันไม่มีเวลาละ … ต่อรองกับพี่คนขับอยู่พักนึงว่าอยากไปกันตังด้วยนะ ตอนแรกไม่ยอมบอกว่าไกล แต่ไปๆมาๆก็โอเค อิ อิ … ท่านแม่กับเจ้าโดมดูหวั่นๆการนั่งรถหัวกบอยู่เหมือนกัน แต่ก็นะ มาเมืองตรังทั้งที มันต้องนั่งเซ่

นั่งรถไปพักใหญ่เกือบๆครึ่งชั่วโมงได้ ก็ถึงถ้ำเลเขากอบ 1 ในที่เที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวต้องมา ตอนแรกก็หวั่นๆอยู่ ว่าจะเข้าไปเที่ยวได้ไหม เพราะช่วงนี้หน้าฝน น้ำขึ้น แต่ไปถึงก็ปรากฏว่าเที่ยวได้อยู่ ค่าเหมาเรือลำละ 300 บาท จะมีเจ้าหน้าที่ไปกับเรา 2 คน อยู่หัวเรือ-ท้ายเรือ บรรยากาศก่อนเข้าถ้ำก็ยังชิลๆอยู่นะ

ภายในถ้ำก็เดินได้ไม่ถึงกับสบายมากเท่าไหร่ เพราะต้องคอยระวังหัวจะเดินไปชนพวกหินงอกหินย้อย ที่ค่อนข้างแหลมมากกกกก … มีหินที่เหมือนช้างให้ไปลอดขอพรได้ด้วย เรา 3 คนก็ไม่มีพลาดล่ะ ลอดกันทุกคน ^^

ส่วนในรูปนี้ที่เป็นแสงสีเขียวๆนี่คือห้องเจ้าสาว จะมีประตูเข้าอยู่ 3 ประตู สำหรับคนมีคู่, คนโสด และคนที่มีความทุกข์ในความรัก เรา 3 คนเลือกเข้าประตูคนโสดกันหมด 555++


ออกจากส่วนตรงนี้ไปแล้ว ก็จะไปตรงส่วนของท้องมังกรละ ตรงนี้แหล่ะ highlight ของการมาถ้ำเลฯเลย เหอะๆๆ เพราะว่ามันเสียวมากกกกกกยิ่งกว่าไปขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาอีก  เพราะว่าเรือกับเพดานถ้ำนี่แทบจะติดกันเลย นายหัว-ท้ายเรือต้องคอยยันเพดานถ้ำให้ลอดเข้าไปได้ ส่วนพวกเรา 3 คนต้องนอนราบไปกับตัวเรือ แต่ถึงจะนอนราบไปแล้ว แต่บางช่วงนี่หน้ากับหินย้อยที่แหลมๆที่งอกลงมาก็แทบจะแทงหน้าเข้าให้อยู่แล้ว ห่างไม่ถึงเซ็นต์ ต้องตะแคงหน้าหนีเอา เหอๆๆๆ แถมช่วงท้องมังกรนี่ก็ค่อนข้างยาวซะด้วย กว่าจะรอดออกมาได้นี่นานพอดู จะเสียวยังไงดูได้ใน video clip ^^” แต่ขอบอกว่าระหว่างลอดท้องมังกร ท่านแม่เงียบมาก ชวนคุยก็ไม่คุย มารู้หลังออกจากถ้ำแล้วว่านั่นน่ะเพราะนอนสวดมนต์อยู่ 555++

[youtube=http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=6tyind6nJJI]

ออกจากถ้ำมาได้ ท่านแม่ประทับใจคนพายเรือสองคนที่ช่วยให้รอดมาได้ ทิปไป 500 (มากกว่าค่าเหมาเรืออีก ^^”) ออกจากที่นี่กันแล้วก็ไปต่อกันที่สถานีรถไฟกันตังเลย เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่น่าจะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน ต้องนั่งรถต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง


ถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยก็ไปต่อกันที่ร้านดังแห่งกันตัง “โกเกี้ย” ร้านนี้มาถึงต้องไม่พลาดสั่งซุปเปอร์ราดหน้า จริงๆตอนนั้นยังอิ่มๆอยู่ กะจะสั่งอย่างเดียวด้วยซ้ำ แต่พอดีโดมอยากกินปลาหมึก เลยสั่งเป็นต้มยำแห้งทะเลมา เพราะเคยดูรีวิวว่าอร่อยเหมือนกัน … ขอบอกว่าของสดมาก อร่อยสมคำร่ำลือ โดยเฉพาะราดหน้าที่กินแล้วประทับใจจริงๆ ปูมาเป็นก้ามเลย ^^


กินเสร็จอิ่ม แม่กับโดมก็เกิดอาการเพลียอยากจะนอนกันซะละ … ตอนแรกบอกทางตุ๊กๆไว้ว่าหลังจากนี้จะพาไปเที่ยวในเมืองด้วย เลยตัดโปรแกรมให้ขับรถพาไปแค่โฉบๆที่ท่องเที่ยวในเมืองแทน ระหว่างทางฝนก็เริ่มตก แต่ก็ยังได้แวะถ่ายรูปอีกที่นึงนะคือ อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ถ่ายรูปเสร็จก็บึ่งกลับโรงแรมกันเลย ท่านแม่ท่านน้องไม่ไหวแล้ว เพลียจัด งอแง จะนอนแล้วววว 555++


กลับโรงแรม ให้สองคนนอนพักกัน ส่วนเราก็นอนเล่น ชาร์จแบตมือถือซะหน่อย เพราะใกล้หมดละ พอสักเกือบทุ่ม เห็นสองคนยังนอนไม่ยอมตื่น ดูท่าทีจะไม่ได้ไปไหนละ ส่วนเราตั้งใจอยากไปร้านซินจิวมากมาย และร้านนี้ปาท่องโก๋ (จาโก้ย) ขายถึงแค่ประมาณสองทุ่ม ถ้าไปช้าจะหมดซะก่อน คิดไปคิดมา ไปเองดีกว่าแล้วค่อยซื้อมาฝาก ^^ (รูปนี่รวม 2 วันนะ เพราะติดใจมากเลยจัดสองคืนติดเลย แต่คืนที่สองแม่กับโดมไปด้วย) ร้านนี้นอกจากจาโก้ยจิ้มสังขยาแล้ว ยังมีขายโจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา และแต่เตี้ยม (แต่ก็มีไม่กี่อย่าง) ด้วย อร่อยใช้ได้ทุกอย่าง แต่ที่เด็ดสุดก็คือจาโก้ยจิ้มสังขยานั่นแหล่ะ ตัวสังขยาใส่มาในถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆ ป้ายมาแค่ขอบๆเท่าที่เห็นเนี่ยะแหล่ะ แต่อร่อยเด็ด กินกันลืมแคลอรี่ไปเลย ถ้าอยู่ตรังนี่คงอ้วนพี เพราะกินทีตัว-สองตัวไม่พอ เพลินมากกกกก อ่อ … จาโก้ยเค้ามีสองแบบด้วยนะ แบบธรรมดา กับแบบเกลียว อร่อยทั้งคู่ ^^


21 Sept 2012

วันนี้เราตื่นมาแต่เช้าเพราะวันนี้จะไปออกทะเลกัน รถมารับ 8:30 แต่เดี๋ยวจะลงไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมกันก่อน แต่เราแต่งตัวลงไปก่อน เพราะจะไปซื้อหมูย่างร้านพงษ์โอชามาแจมกับอาหารเช้าโรงแรม … รสชาติหมูย่างร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ เสียดายไม่มีโอกาสได้ชิมแต่เตี้ยม เพราะท่านแม่และน้องไม่ชอบติ่มซำสไตล์แบบนี้ เพราะติดกับรสชาติแบบฮ่องกง ส่วนเราอ่ะได้หมด … ไม่เป็นไร ไว้หาโอกาสมาใหม่ ^^


รถมารับที่โรงแรมเกือบ 8:30 ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ไปถึงปากเมง ไปถึงต้องรอเวลาสักพักเพราะเรือจะออกราวๆ 9:30 ระหว่างนั้นเราก็เช่ากระเป๋ากันน้ำที่ร้านซะ เผื่อเอาเข้าไปถ้ำมรกตด้วย ค่าเช่าก็กระเป๋าเล็ก 50, ใหญ่ 100 จัดอันเล็กพอ เพราะจะใส่แค่กล้องกับมือถือเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ .. ระหว่างรอก็กินยาแก้เมากันซะทุกคน กันไว้ดีกว่าแก้นะ แต่ก็โล่งๆหน่อยเพราะว่าเรือที่จะออกทริปวันนี้จะเป็นเรือใหญ่ ยอมอ่ะ ช้าๆแต่ไม่เมา ถ้าเลือกได้เวลาออกทะเลขอเป็นเรือใหญ่หมดทุกทริปได้มั๊ย จะไม่หวั่นเลย XD


นั่งเรือใหญ่นี่มันดีแฮะ ไม่เมา แต่แค่เสียเวลาหน่อย ระหว่างที่นั่งเรือไปเราก็ทดสอบ 3G DTAC ไปด้วยซะเลย อยู่กลางทะเลแท้ๆยังมี 3G อีก แถมสัญญาณก็แรงตลอด ทั้งในตัวเมืองและกลางทะเล เจ๋งมาก (อวยไปมั๊ยเรา 555)

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=PdbOzl-U9ig&feature=player_detailpage]

จุดแรกที่จะไปคือถ้ำมรกตที่หมายหมั้นปั้นมือว่าอยากจะมาเลย เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวหลัก และน่าสนใจมากตรงที่ต้องดำน้ำเข้าไป ตอนแรกที่เคยเห็นในรีวิวเข้าใจว่าจะมีเชือกแล้วเราก็เกาะๆเชือกกันเข้าไป แต่พอไปถึงกลับไม่มีแฮะ หลักการคือคนเรือจะว่ายลงไปก่อนแล้วพวกเราก็เกาะกันเข้าไปเป็นแถวยาว ต้องว่ายทวนน้ำลอดถ้ำเข้าไป พอเข้าไปถึงกลางถ้ำก็มองอะไรไม่เห็นแล้ว มืดสนิทมากๆ ต้องคอยส่องไฟฉายเพื่อให้มองเห็นอะไรบ้าง มันเสียวตรงมองอะไรไม่เห็นนี่แหล่ะ แห่ะๆ แต่พอว่ายไปจนเห็นแสงสว่างแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มนะ มันเหมือนชีวิตเหมือนกัน จากจุดที่มืดที่สุด พอเห็นแสงสว่างด้านหน้าก็รู้สึกดีใจ  ด้านในเป็นชายหาดเล็กๆแต่สวยอยู่นะ ไปถึงฝนตกพอดี เลยเก็บภายกลางสายฝนกันซะหน่อย … ว่ายเข้ามาพักนึงแต่ได้อยู่ถ่ายรูปไม่ถึง 10 นาทีเอง เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรีบไปจุดอื่นก่อนที่ฝนจะลงหนัก เดี๋ยวกลัวจะแวะเที่ยวได้ไม่ทุกจุด .. ไม่มีปัญหา ถือว่ามาถึงแล้ว แค่นี้ก็โอเชละ (อยู่นานก็ไม่รู้จะทำไร ก็มันมีอยู่แค่เนี๊ยะ 555)

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=dMxJaT7vfFs&feature=player_detailpage]

ออกจากถ้ำแล้วไป snorkel กันที่เกาะม้าโลด น้ำใส ปลาสวย ท่านแม่ก็อยู่บนเรือคอยให้อาหารปลาและเป็นช่างกล้องให้ลูกๆไป ^^

เสร็จจากเกาะม้าก็เพิ่งสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เจ้าหน้าที่เลยให้โหวตว่าจะไปกินข้าวเลย หรือว่าจะไปต่อที่เกาะเชือกก่อน พวกเราโหวตไปต่อเลย ดำให้เสร็จจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกินข้าวทีเดียว อิ อิ เกาะเชือกนี่สวยดี ลงไปว่ายๆมองลงไปด้านล่างดันเจอลูกฉลามด้วย ดีนะไม่เจอแม่มัน ดำแป๊บเดียวรีบขึ้นเลย (กลัวแม่มันมา 555+)

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=n0Bgw544Afg&feature=player_detailpage]

ดำน้ำเสร็จ หิวแล้วววว ไปพักกินข้าวกันที่เกาะไหงรีสอร์ทโลด อาหารเที่ยงไม่ได้ถ่ายมา แต่อร่อยทุกอย่าง กินแล้วถูกใจ แถมท่านแม่เอาหมูย่างที่ซื้อมาเมื่อเช้ามาด้วย เลยกินแกล้มกันเพลิน อิ่มเลย 555++

ออกจากเกาะไหงก็ขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งกันละ ขากลับนี่มีงีบเอาแรงกันไปเป็นทิวแถว  ถึงฝั่งก็นั่งรถกลับโรงแรม พอไปถึงชวนกันกินหนมเรียก energy กันซะหน่อย ร้าน One More Smile ตรง lobby โรงแรมนี่เอง รสชาติอร่อยทุกอย่างเลยนะ แนะนำๆสำหรับคนมาพักที่นี่

พอไปเรียงคิวอาบน้ำ นอนเล่นพักผ่อน พอหัวค่ำก็กลับไปร้านซินจิวกันเหมือนเดิม จัดโจ๊ก เกาเหลา และจาโก้ยกันไปหลาย เสร็จแล้วไปเดินเล่นถนนคนเดินหน้าสถานีรถไฟกันอีกพักนึง เพราะตั้งใจไปซื้อเค้กร้านเลิศรสกลับไปเป็นของฝากด้วย

กลับถึงโรงแรมชวนกันกับโดมนั่งจิบไรเล่นๆที่ร้าน The Terrace หน้าโรงแรมกันสักหน่อย เล็งมาตั้งแต่วันก่อน บรรยากาศดูชิลๆดี มีวงดนตรีด้วย โดมสั่ง Asahi ส่วนเราสั่ง Strawberry Kamikaze รสชาติดี แม่กับโดมชิมยังติดใจเลย ^^ ส่วนบรรยากาศร้านนี่คนมาเรื่อยๆ มีฝรั่งมาหลายโต๊ะเหมือนกันนะ 😀

หมดไปอีกวันนึง ทำไมเวลาเที่ยวเราถึงไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแฮะ ทั้งๆที่ทำกิจกรรมทั้งวันมาติดๆกัน แห่ะๆ

22 Sept 2012

วันนี้ตื่นมาเช้าเหมือนเดิม เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ (สงสัยเพราะเวลาเที่ยวจะหมดแล้ว T_T) เลยทำหน้าที่เหมือนเดิมคือลงไปซื้อหมูย่างมาเสริมอาหารเช้า ก็นะทริปนี้บอกแล้วว่ามาเพื่อหมูย่าง ก็ต้องจัดสามวันติด แถมวันละร้านด้วย … วันนี้นั่งมอเตอไซค์ไปไกลอีกหน่อย ร้านตรังหมูย่าง ที่อ่านมาจากรีวิวว่าหมูย่างขึ้นชื่ออีกร้านนึง อร่อยอีกละ สรุปกินร้านไหนก็อร่อยอ่ะ อ่อจาโก้ยสังขยาร้านนี้ก็อร่อยนะ ถ้าอยากกินตอนเช้ามากินร้านนี้ก็ได้เหมือนกัน อร่อยรองจากร้านซินจิวจิ๊ดเดียว ^^

กินเสร็จยังมีเวลาเหลือ ยังอุตส่าห์ไปเหมาหัวกบหน้าโรงแรมไปเที่ยวรอบเมืองอีกชั่วโมงนึงนะ ได้ไปไหว้ขอพรกันที่ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย, วัดสาริการาม และแวะถ่ายรูปกันที่บ้านนายกชวน ที่เปิดหน้าบ้านไว้ให้เดินเข้าไปถ่ายในบริเวณบ้าน(ที่ดูเหมือนสวนต้นไม้)ได้เลย

ไปสามที่แค่นี้ก็หมดเวลาแล้ว รีบบอกให้อาแปะคนขับซิ่งกลับโรงแรมด่วน เพราะจะถึงเวลานัดรถโรงแรมไปส่งที่สนามบินแล้ว แถมยังไม่ได้ check-out + รับของฝากที่สั่งซื้อไว้เลยด้วย ^^” สรุปทันพอดิบพอดี จากโรงแรมกลับไปสนามบินไม่ถึงสิบห้านาที ต้องไปนั่งรออีกพักใหญ่ ระหว่างนั้นเลยสั่งเค้กมะพร้าวริชชี่ที่สนามบินมานั่งกินกัน อร่อยหอมนุ่มดี … แต่สาขาที่สนามบินนี่ไม่มีขายเป็นชิ้นๆที่มีครีมและหน้ามะพร้าวเหมือนสาขาในเมืองอ่ะ

ถึงเวลาขึ้นเครื่อง Air Asia รอบนี้น่ารักมากไม่มีดีเลย์ให้เสียอารมณ์เลย สรุปว่าทริปนี้ถูกใจทั้งอาหารและกิจกรรม adventure แต่เรื่องกิจกรรมน่าจะเป็นเราชอบอยู่คนเดียวนะ ท่านแม่กับเจ้าโดมไม่ได้ชอบแนวนี้อ่ะ สองรายนั้นนี่ชอบเที่ยวแบบคุณนายคุณชาย กินๆนอนๆไม่ลุย -_- ส่วนน้ำทะเลที่นี่สวยนะ แต่เป็นรองกระบี่ ใครไม่เคยไปกระบี่คงจะประทับใจแล้วล่ะ นี่ยังเหลือเกาะหลีเป๊ะ สุรินทร์ สิมิลัน และตาชัย อยู่ในลิสต์อีก ถ้าเก็บอีกสี่เกาะนี่หมดเมื่อไหร่ก็หมดละ ต่อจากนั้นคงต้องมัลดีฟแล้วล่ะ 555++

สรุปว่าตรังเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็มีเสน่ห์ของมัน โดยเฉพาะเรื่องอาหารที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อยากกลับมาอีกจริงๆ ไว้มีโอกาสจะกลับไปอีก แล้วเจอกันใหม่ … เมืองตรัง

Comments