เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาช่วงประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะก็ได้รับโทรศัพท์ คนที่อยู่ในสายมีทั้ง VP, sales, Customer support engineer แล้วก็มาเซล เืพื่อนในแผนกของเราเอง โทรมาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง บอกว่าเฮ่แอ๊บบี้ อาทิตย์นี้ว่างมั๊ย ยูช่วยไป Seattle หน่อยได้ป่าว Potential Customer มีปัญหากับ Product ที่เพิ่งส่งไป เราก็จะปฏิเสธยังไงได้ ก็ต้องไปสิ ก็เลยบอกว่าโอเช สรุปว่าเซลล์มันโทรไปคุยกับลูกค้า แล้วลูกค้าบอกว่าว่างวันจันทร์บ่ายโมง เลยแย่กว่าเดิม เพราะว่าแทนที่จะได้ไปตั้งแ่ต่วันอาทิตย์ กลับเป็นว่าเราต้องตื่นวันจันทร์ตอนตีห้าหน่อยๆ เพื่อรีบไปขึ้นเครื่องบินรอบ 6.50am ให้ทัน ต้องนั่งเครื่องสองต่อ จาก San Diego ไปลง San Jose แล้วจาก San Jose ต่อไป Seattle รวมทั้งหมดสี่ชั่วโมง ต้องรีบมากๆคือตอนลงจากเครื่องที่ San Jose แล้วต้องรีบวิ่งไปอีก gate นึง เพราะเครื่องบินอีกลำที่จะัไป Seattle เค้า board ผู้โดยสารเสร็จไปแล้ว เราก็ต้องรีบๆ ไม่มีเวลาได้ check-out สนามบิน San Jose เลย สรุปก็ขึ้นเครื่องไปถึง Seattle (Sea-Tac) ตอนประมาณ 10.40am ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงในการเดินทางสองต่อ ว่าแต่สนามบิน Seattle สวยดี มีร้านอาหารน่ากินหลายร้านมากๆ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ลองกินเลยสักร้าน (ยกเว้น starbucks … ขอกาแฟหน่อยน่า มันง่วงอ้ะ) แถมยังมี Borders (ร้านหนังสือ) ด้วยนะเนี่ยะ  ^^ แต่ก็ไม่มีเวลาเข้าไปเดินดูอยู่ดี เลยถ่ายรูปกลับมาเอาบรรยากาศละกัน

 

สรุปพอถึงสนามบินก็ได้แต่รีบๆถ่ายรูป แล้วก็รีบไปเอารถเช่่า คราวนี้ได้รถ Dodge Caliber สีขาว เท่ห์ดี เห็นแล้วแบบว่าชอบเลยอ่ะ แต่ยังไงเวลาขับแล้วเร่งสู้น้อง 3 ของเรายังไม่ได้แฮะ แต่ตัวถังสวยดี แถม stereo มี aux input ด้วยนะ เอาไว้เสียบไอพอดได้ แต่เสียดายไม่ได้เอาสาย cable สำหรับการนี้มาเลยต้องฟัง FM แทน แห่ะๆ

พอขับรถออกมาจากสนามบิน ดูเวลาแล้วยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆก่อนจะถึงเวลานัดลูกค้า เผื่อรถไม่ติดจะได้ไปขับรถวนดู Microsoft ที่ย่าน Redmond ซะหน่อย เพราะว่า Microsoft อยู่ห่างจากบริษัทที่เราจะไปแค่สิบกว่าไมล์ ถ้ารถไม่ิติดขับแค่ 15-20 นาทีก็ถึง ไหนๆมาถึง Seattle แล้วก็ควรจะได้ไปดูสักหน่อย ็เลยรีบบึ่งออกไป โชคดีมากรถไม่ติด เราเลยได้โอกาสขับเลยไป check-out Microsoft (เย้ ไม่เสียเที่ยว !) ทางเข้าไปที่ Microsoft site สวยมาก มีต้นไม้ขึ้นสองข้างทาง สีกำลังสวยเลย แล้วที่นี่เค้าดูแลต้นไม้ค่อนข้างดีอ่ะ ดูร่มรื่นมากๆเลย รูปข้างล่างนี่ขับรถไปถ่ายไปอ่ะ เพราะว่าแถวนั้นไม่มีที่จอดรถเลย แถมจริงๆแล้วก็คือรีบด้วยแหล่ะ เพราะต้องรีบขับรถกลับไปเจอลูกค้าให้ทันตอนบ่ายโมงอีก

พอขับรถเข้าไปใน location ของ Microsoft แล้วก็จะเจอตึกๆๆหน้าตาเหมือนๆกันอยู่เรียงกันเพียบ แถมยังมีสนามฟุตบอลอีกตะหาก (soccer นะ ไม่ใช่ football) แบบว่าเจ๋งมาก กะว่าจะจอดรถถ่ายรูปแต่ก็หาที่จอดรถแถวนั้นไม่ได้เลย เลยต้องขับลึกเข้าไป จนไปเจอที่จอดรถแบบชั่วคราวเลยได้ลงมาถ่ายรูป(ตึก)เป็นที่ระลึกหน่อย (ดีกว่าไม่ได้ถ่ายเลย)

ถ่ายรูปเสร็จก็รีบกระโดดขึ้นรถจะขับกลับไป downtown ให้ทันนัดลูกค้า พอดีเจอรถบัสที่มีป้ายของ Microsoft (Exchange Server 2007 ads) เลยถ่ายเป็นที่ระลึกซะหน่อย ^^

เสร็จแล้วก็ขับกลับไปในย่าน downtown ของ Seattle เพื่อที่จะไปให้ทันนัดลูกค้า ลูกค้าที่จะไปเจอนี่คือ Rosetta Inpharmatics เป็น บริษัทย่อยของ Merck & Co., Inc ที่เป็น Global Research ทางด้านการแพทย์ที่ใหญ่มากๆ เพราะฉะนั้นถึงทางบริษัทถึงให้ความสำคัญกับลูกค้ารายนี้มาก ขับรถไปถึงก็เห็นว่าตัวบริษัทเป็นตึกอยู่ใน Downtown ตัวตึกทำเป็นรูปเว้าๆสวยดีแฮะ

ขับรถมาถึง จอดรถเสร็จก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เดินเลยบริษัทไปเจอร้านเบเกอรี่ร้านนึง ท่าทางจะ work เราเลยเข้าไปสั่ง green tea กับ blueburry scone แล้วก็ croissant มานั่งกินแทนอาหารกลางวันซะเลย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆแฮะ bakery ร้านนี้อร่อยมากทั้งสองอย่างเลย พอทานเสร็จก็รีบไปเจอลูกค้า เพราะว่าจะมีเวลาแค่สามชั่วโมงในการแก้ปัญหา เก็บข้อมูล เพราะว่าต้องบินกลับเย็นวันนั้น เครื่องออกตอน 5.50pm ต้องออกจากบริษัทลูกค้าสี่โมงเย็น เฮ่อ ดูแบบว่าเร่งรีบสุดๆเลยล่ะ พอเจอลูกค้า(Rick) แล้ว เราก็ขึ้นไปอยู่บนห้อง Server เพื่อนั่ง troubleshoot + เก็บข้อมูล ทั้งหลายแหล่ สรุปว่าปัญหามันเกิดจากเวลาที่เค้าใช้ netbackup utility ของ veritas ในการ import oracle database over network มาที่เครื่อง client แล้วเครื่อง kernel panic ซึ่งสรุปแล้วเรา con call คุยกับทางบริษัทเราแล้วเค้าบอกว่าโอเคเก็บข้อมูลได้หมดแล้วให้บินกลับไปก่อน ทางลูกค้าจะส่ง system กลับไปให้เราทำต่อที่บริษัท (แล้วเราจะบินมาไมวะเนี่ยะ) แต่ก็นะ การแก้ปัญหาอันนี้มันต้องใช้เวลา test ค่อนข้างเยอะมาก เพราะว่าลูกค้าใช้ SLES9 SP3 แต่ดันใช้ ext3 เป็น filesystem ทั้งๆที่ default filesystem ของค่าย suse นี่คือ reiserfs อ่ะ แถม kernel message ก่อนเครื่อง hang นี่ก็ relate to ext3 ทั้งหมด แต่ทาง Rick เองก็ไม่ flexible เลย คือไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น สรุปคือต้องส่งเครื่องกลับไปหาทางอื่นๆต่อไปที่บริษัท เราก็เลยได้บินกลับ ไม่งั้นคงได้อยู่ต่ออีกคืนแน่ๆ

ขับรถกลับไปถึงที่สนามบิน แล้วก็แทบไม่เหลือเวลาแล้ว ก่อนจะเดินเข้า gate แวะเข้าห้องน้ำ เจอพนักงาน star bucks คนที่เราแวะซื้อกาแฟด้วยเมื่อเช้า เค้าถามว่า นี่ยูอยู่ในสนามบินทั้งวันเลยเหรอเนี่ยะ เราเกือบก๊ากแตก ก็เลยบอกเค้าว่าเปล่า ไอออกไปรอบนึงแล้วกลับเข้ามาใหม่ เค้าเลยถึงบางอ้อ 5 5 5 คุยกับเค้าได้นิดนึง แล้วก็ต้องรีบเดินไปขึ้นเครื่องกลับ San Diego (สองต่อเหมือนเดิม ต่อที่ San Jose เหมือนเดิมอีก) มาถึง San Diego ตอน 9.45pm ร้านอาหารที่เล็งๆไว้ว่าจะแวะกินปิดกันเรียบ สุดท้ายเลยเอาง่ายๆก้อได้ แวะซื้อ sandwich ที่ albertson’s กลับไปกินบ้าน ว่าแล้วก็อร่อยนะ Sandwich wrap ใส่ turkey กับ bacon เนี่ยะ สรุปถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม เป็นอันจบวันที่(โคตะระ)จะเร่งรีบ + เพลียสุดๆ (จริงไม่ได้เหนื่อยจากการเดินทางนะ แต่เพลียจากการตื่นตีห้าตะหาก)

PS: ขอขอบคุณ Maximum PC / Computer Shopper / Electronic Gaming Magazine + Ipod Photo + Nintendo DS ที่ทำให้เราไม่เบื่อเลยในการนั่งเครื่องบินไปกลับรวมเกือบ 8 ชั่วโมงในครั้งนีั้ ^^

Comments