ปกติช่วงเวลาประมาณนี้จะจัดทริปไปเที่ยวสักทริปนึง ปีที่แล้วก็ไปเกาหลี ส่วนปีนี้คิดกันอยู่นานมาก แต่โจทย์คืออยากไปทะเลสวยๆ สุดท้ายมาลงเอยที่กระบี่ เพราะเรายังคาใจกับเกาะพีพีที่อยากไปยลมานานแล้ว ก็นะเป็นเกาะขึ้นชื่อระดับโลก แต่เราคนไทยยังไม่เคยไปมันเลยคาใจ .. ทริปกระบี่ครั้งที่แล้วไปกับที่บ้านก็ไป ถ้ำพระนาง(อ่าวไร่เลย์)/เกาะไก่/ทะเลแหวก (Unseen)/เกาะปอดะ เพราะงั้นพอจบทริปพีพีครั้งนี้ก็จะไม่เหลืออะไรคาใจที่กระบี่แล้ว ^^ ครั้งต่อไปก็จะได้ลด choice ในการไปเที่ยวหมู่เกาะได้ ไม่งั้นเวลาคิดเรื่องเที่ยวทีไรปวดหัว เพราะอยากไปทุกที่ (ไม่ต่างจากเรื่องกินเล้ย เพราะเป็นคนชอบกินหมดทุกสิ่งอย่าง แห่ะๆๆ)

ทริปนี้เราไปการบินไทย เพราะไมได้จองล่วงหน้า พวก low cost airline อย่าง airasia เลยไม่ได้ถูกไปกว่าการบินไทยเลย ยิ่งถ้ารวมค่า load กระเป๋าแล้วด้วยพอๆกัน เลยไปการบินไทยดีกว่า ส่วนโรงแรมนี่หลังจากดู review ของคุณ Paksabuy แห่ง pantip แล้วก็เลือกไปพักที่ Mercure Krabi Deevana ห้อง Pool Access (กะว่าทริปนี้จะอยู่กับน้ำ ทั้งวันไปเกาะ ทั้งวันอยู่โรงแรมเลย อิ อิ) ส่วนเรื่องรถนี่เช่ารถที่ Hertz เฉพาะวันแรก โทรจองจากกทม. เค้าก็จะมีคนเอาป้ายมารอรับที่สนามบิน เพราะที่สนามบินกระบี่ไม่มี counter ของ Hertz แล้วเอาไปคืนได้ที่ office อ่าวนางเลย

เนื่องจากทริปนี้มีถ่าย video ไว้เป็นระยะๆเลย merge รวมกันไว้เป็น clip เดียวเลย จะได้ดูง่ายๆจะได้ไม่ลืมบรรยากาศของแต่ละที่ที่ประทับใจ ^^

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=S300FfXSJxI&feature=g-upl]

Thursday 26 April 2012

8:00 เครื่องบิน Take Off เครื่องบิน Flight Domestic ไม่มีอาหาร แต่จะมี snack ง่ายๆให้ ลำนี้ที่นั่งมี LCD ส่วนตัวด้วย 🙂

ไปถึงสนามบินกระบี่ รับกระเป๋าเรียบร้อยทาง Hertz ก็โทรมาบอกว่ารออยู่แล้ว รับรถ (VIOS) แล้วก็ขับตรงไปสระมรกตเลย จากสนามบินไปสระมรกตประมาณ 40 กม. จากที่จอดรถเดินเข้าไปที่สระประมาณ 800 เมตร สระสีมรกต มาเป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ยังประทับใจกับสีน้ำเหมือนเดิม

ครั้งที่แล้วมากับแม่เลยไม่ได้เดินเยอะมาก ครั้งนี้เลยเดินต่อเข้าไปถึงสระน้ำผุด เพื่อดูต้นกำเนิดของสระมรกต สระนี้กว่าจะเดินไปถึงนี่ต้องเดินอีกเกือบกิโลฯจากสระมรกตอ่ะ ตอนนั้นก็ใกล้ๆเที่ยงแล้วด้วย ร้อนจัดมากมาย แต่พอไปถึงเห็นสีน้ำแล้วรู้สึกคุ้มจริงๆที่ได้ไป ทำไมสีฟ้าสวยได้ขนาดนี้นะเนี่ยะ! ประทับใจมากมาย แต่ตรงนี้ลงไปเล่นไม่ได้ เพราะเห็นเค้าว่ามันมีโคลนดูด เดี๋ยวจะอันตราย

ออกจากสระน้ำผุดแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะแวะน้ำตกร้อนดีมั๊ยน๊า แต่เพราะเดินกันที่สระมรกตยาวมาก & ร้อนมากๆ แถมฝนทำท่าจะตกอีกเลยไม่เอาละ เลยตรงดิ่งไปร้านขนมจีนโกจ้อยเลย ร้านนี้ดังมาก ได้ยินชื่อมานานแล้ว ครั้งนี้เลยมีภาระกิจต้องลองให้ได้ ทางไปร้านนี้ถ้ามาจากสนามบินกระบี่ ไปทางอำเภอเหนือคลอง จะพบสามแยก ที่แยกทางซ้ายไปเขาพนม ตรงข้ามแยกมาแล้วให้อยู่เลนซ้ายไว้ พ้นสามแยกไปนิดเดียว จะเห็นธ.กรุงเทพ เลยไปปุ๊บก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปเลย พอเข้าไปนิดเดียวต้องเลี้ยวขวาอีกนิดก็จะเจอร้านเลย ขนมจีนน้ำยา + ไก่ทอดอร่อยจริง จัดขนมจีนไปคนละ 2 ชาม ไก่ทอดอีก 6 ชิ้น+ห่อหมก อร่อยทุกสิ่งอย่าง สมคำร่ำลือจริงๆเลย

อิ่มเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปที่หมายถัดไปคือวัดถ้ำเสือ คือจริงๆทุกทริปที่ไปเที่ยวจะต้องมีการแวะทำบุญทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่พลาดที่จะมาแวะวัดชื่อดังของกระบี่อีกครั้ง  (ครั้งที่แล้วก็มา) มาสักการะเจ้าแม่กวนอิม แล้วก็เดินขึ้นเขาไปยลถ้ำเสือ (แต่ขึ้นไปก็ไม่มีอะไรเลยนะ ใครขี้เกียจเดินจะบอกว่าไม่ต้องขึ้นไปให้เหนื่อยก็ได้นะ คุณไม่พลาดอะไรที่สำคัญ หรือสวยอะไรหรอก ^^”)

ออกจากวัดถ้ำเสือ ตอนแรกกะจะเข้าโรงแรมเลย เพราะเหนียวตัว + ร้อนมาก แต่พอดีขับผ่านป้ายเห็นสุสานหอย 75 ล้านปี เลยแวะดูสักหน่อยดีกว่า เพราะครั้งที่แล้วก็ไม่ได้ไป ไอ้แผ่นๆที่ยื่นไปในทะเลนั่นเป็นหอยหมดเลยนะ ตอนลงไปเดินดูใกล้ๆก็จะเห็นชัดหน่อย

ดูสุสานหอยเสร็จแล้วคราวนี้ก็มุ่งหน้าไป check-in ที่โรงแรม (Mercure Krabi Deevana)ซะที พนักงานโรงแรมนอบน้อมมากมาย ดูแลดีมาก ห้องที่เราไปพักอยู่ตึก 4 เป็น Deluxe Pool Access ห้อง 4106 ซึ่งค่อนข้างเงียบกว่าห้อง Pool Access อื่นๆ เพราะห้องที่เป็น Pool Access จะมีหลาย Zone ถ้าอยากได้แบบ Private เสียงไม่ดังให้ Request ตึก 4 ห้อง 4105-4108 เพราะถ้าอยู่ตึก 3 จะอยู่สระที่มีการเปิดเพลงตอนเย็นๆ ส่วนตึก 4 ตอนต้นก็จะไม่ค่อย Private เพราะระเบียงจะมีคนว่ายน้ำผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา

หลังจากขนของเข้าห้องเรียบร้อยเราก็ขับรถออกไปคืนที่ Hertz ตอนประมาณ 6 โมงเย็น เพราะพรุ่งนี้มี Trip ไปพีพีแต่เช้า จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเอารถไปคืนตอนเช้า … แล้วก็ End of Day 1 (วันนี้อาหารเย็นซื้อจากนอกโรงแรมมากิน เน้นของกินเล่นง่ายๆ กุ้งทอด โรตี snack กับแกล้ม ต่างๆ อิ อิ)

Friday 27 April 2012

หลังจากกินอาหารเช้าแบบเบาๆที่โรงแรมแล้วทาง Aonang Photo ที่โทรไว้วันก่อน (ค่าทริปคนละ 1000) ก็จัดรถมารับที่โรงแรมตอน 8:30 เพื่อไปลง Speedboat ที่หาดนพรัตน์ธารา กว่าจะได้ลงเรือก็ราวๆ 9:30 ฝนเริ่มตกตอนกำลังเดินไปขึ้นเรือ ต้องวิ่งขึ้นเรือกันเลยทีเดียวเชียว แล้วก็ตกยาวไปสักพักนึง เปียกกันหมดตั้งแต่เริ่ม Trip -_-” แต่โชคดีที่ตกไม่นาน ประมาณ 15-20 นาทีก็หยุด โล่งใจกันปายยยย ^^ นั่งเรือมาประมาณ 45 นาทีก็มาถึงจุดแรกที่เรือจอดคือจุดที่อยู่ห่างออกมาจากเกาะพีพีดอนหน่อย เพื่อให้ลงไป snorkel ดูปลา & ปะการัง ประมาณสัก 30 นาทีได้ น้ำใสมากมาย ดำน้ำดูปลา ตอนอากาศกำลังร้อนๆแบบนี้มันเพลินดีจริงๆเลย

จุดต่อไปคือถ้ำไวกิ้ง เป็นสถานที่ที่เก็บรังนกนางแอ่น แต่เรือแค่แวะผ่านไปเพื่อให้ดูจากด้านนอกเท่านั้น

แล้วเรือก็แล่นเข้ามาในอ่าวปิเล๊ะ ตรงนี้ถ้ามาตอนเช้าจะยังเข้าไม่ได้ ต้องรอสายๆให้น้ำขึ้นมาสูงจนเรือสามารถเข้ามาได้ก่อน เราชอบสีน้ำบริเวณนี้มากๆมันใสจริงๆเลยนะเนี่ยะ

จากนั้นเรือก็พาไปต่อที่อ่าวมาหยา บนเกาะพีพีเล ที่ดังไปทั่วโลกเพราะเป็นที่ถ่ายทำเรื่อง The Beach หาดนี้คนเยอะ แถมเรือจอดกันเพียบ ไม่ค่อยมีมุมสงบให้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เราเลยเดินทะลุกันไปด้านหลัง เพื่อไปดูอ่าวโละซามะ อยู่บนอ่าวนี้ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง

อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ

อ่าวมาหยาแบบ panorama ^^

ออกจากตรงนี้เรือก็พากลับไปดำน้ำอีกรอบนึง ตอนแรกกะว่าจะไม่ดำแล้วนะ แต่เปลี่ยนใจเพราะถ้าอยู่บนเรือนี่มันโยกเยกชวนเมามากๆๆๆ เลยลงน้ำจะดีกว่า ^^” แต่ลงน้ำไปแบบลอยคอเล่นเฉยๆละ เพราะเรือพามาจอดเล่นน้ำต่อที่จุดเดิมเลยไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ จากนั้นก็ขึ้นไปกินข้าวกันบนเกาะพีพีดอน อาหารจะเป็นแบบ Buffet แต่เราไม่ค่อยมีอารมณ์กินเท่าไหร่ เพราะพอลงเรือมาก็รู้สึกพะอืดพะอมไปพักนึงเลยแหล่ะ เหมือนลมมันตีขึ้นมา แต่แค่ 5-10 นาทีก็หาย แต่ก็นะไม่อยากกินเยอะ เพราะเดี๋ยวช่วงบ่ายยังต้องนั่งเรืออีก ไม่อยากให้อาหารปลาอ้ะ (แต่อาหารก็รสชาติธรรมดาๆกลางๆด้วย เพราะต้องเผื่อสำหรับให้คนต่างชาติกินได้ด้วยแหล่ะ)

เนื่องจากเกาะนี้เป็นเกาะใหญ่ เลยมีที่พักค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีร้านค้าเยอะด้วยเหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่าเราคิดถูกที่ไม่ได้เลือกมาพักบนเกาะพีพี เพราะพอมาแล้วมีความรู้สึกว่าถ้าให้มาอยู่หลายๆวันก็ไม่เอานะ มันดูน่าเบื่อ บรรยากาศบนเกาะก็ดูไม่ได้เป็นแบบธรรมชาติ เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ อยู่บนฝั่งอ่าวนางแล้วออกมาเที่ยวแบบ 1 day trip จะดีกว่า

ออกจากพีพีดอนก็ตรงไปสถานที่สุดท้ายเลย คือเกาะไผ่ เรามีเวลาอยู่บนเกาะนี้ค่อนข้างนานเลย ประมาณชั่วโมงครึ่งได้ ก็เอา Beach Towel ของทางโรงแรมไปหาที่ปูนอนริมชายหาด ถ่ายรูป ฟังเพลงจาก iphone นอนชิลๆ ส่วนลูกทัวร์คนอื่นๆก็มีไปเล่นน้ำกันบ้างไรบ้าง เพราะน้ำใส สามารถดำน้ำเล่นได้ มีเรือแคนูให้เล่นตามอัธยาศัย สรุปว่าชอบตอนอยู่เกาะนี้ มันเหมือนได้พักเหนื่อยจากทริป แถมมีความเป็นธรรมชาติ (ไม่เหมือนตอนอยู่บนพีพีดอน) ชิลดี ^^

บรรยากาศบนเกาะไผ่

ถ่ายรูปเล่น มีเวลาเยอะ บนเกาะไผ่ ^^

ออกจากเกาะไผ่เรือก็มุ่งหน้ากลับเข้าฝั่งเลย ขากลับเจอฝนอีกแล้ว >_< มาต้อนรับทั้งขาไป ขากลับกันเลยทีเดียว แต่ตกได้ไม่นานก็หยุดเหมือนขามา … กลับมาถึงโรงแรมตอนสี่โมงกว่าๆก็ออกไปนั่งเล่นต่อที่ระเบียง & โดดน้ำต่อกันเลย บ้าพลังๆ 555++ เล่นน้ำยาวววววจนเริ่มหิวแล้วเลยไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านสุดดัง “วังทรายซีฟู๊ด” แล้วก็ไม่ผิดหวังอ่ะ อาหารทะเลสดมากมาย ทั้งกุ้งเผา หอยแครงลวก (ข้าวผัด)ปู ปลากระพงนึ่งมะนาว

อาหารทะเล @วังทรายซีฟู๊ด

Saturday 28 April 2012

วันนี้เป็นวันที่ไม่ได้แพลนทริปอะไรเลย กะชิลล์อย่างเดียวเท่านั้น มีโปรแกรมอยู่อย่างเดียวคือนัดนวด Spa Aroma ไว้ตอนบ่ายแก่ๆ เพราะงั้นวันนี้เลยชิลๆ ตอนเช้าหลังจากกินอาหารเช้าแล้วเลยเดินออกไปทางหน้าปากซอยโรงแรมเพื่อเช่ามอเตอร์ไซค์มาแว๊นซะหน่อย แบบว่าอยากมากกกก ไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาเป็นสิบๆปีแล้ว คราวนี้ได้ที ขอหน่อยเหอะนะ ไปถึงที่ร้านเจาะจงเลือก Fino เลยนะ แถมเลือกสีด้วยนะ บอกพี่อยากได้สีสวยๆหวานๆหน่อยอ่ะ ขอฟ้าหรือชมพูได้ป่ะ พี่เค้าก็ใจดีนะ แบบว่าโทรไปสั่งให้อีกร้านเอามาส่งให้เลยอ่ะ ค่าเช่าก็วันละ 200 ใช้แค่บัตรประชาชนอย่างเดียว (ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่อ่าวนางเยอะมากอ่ะ มีทุกแห่งหน ถาม counter โรงแรมก็ได้นะ อาจจะแพงกว่าอีก 50 บาท) แถมหมวกกันน๊อคเพื่อความปลอดภัยมาให้อีก 2 ใบด้วย

ได้มอไซค์มาก็แว๊นท์เที่ยวไปถ่ายรูปไปรอบๆอ่าวนางเลย ขี่มอเตอร์ไซค์ริมทะเลนี่มันชิลดีจริงๆเลย ชอบอ่ะ จริงๆถ้าเมืองไทยอากาศเย็นๆหน่อยเหมือนเมืองนอกนี่อยากซื้อมอเตอร์ไซค์ sport มาขี่เลยนะเนี่ยะ แบบว่าชอบมาก 555++

แว๊นมอไซค์ถ่ายรูปเล่นแถวหน้าหาดนพรัตน์ธารา

วันนี้อาหารรอบบ่ายก็ไปกินกันที่ครัวธารา(หลังสึนามิ) แต่กินกันแบบง่ายๆเพราะไม่ค่อยหิวกันเท่าไหร่ อาหารก็ธรรมดาๆ ไม่ได้ประทับใจเท่าที่วังทรายฯ อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้สั่งอาหารทะเลเหมือนที่วังทรายด้วยแหล่ะ อาจจะเปรียบเทียบไม่ค่อยได้ … หลังจากนั้นก็กลับโรงแรมไปทำสปากันเล้ยยยยย ตอนแรกก็หวิวๆอยู่นะ เพราะว่านวด aroma มันต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยนิ 😳 แต่สุดท้ายทำแล้วติดใจอ่ะ พี่หมอนวดเค้านวดเส้นให้แบบสะใจมาก แบบว่าติดใจนิ้วโป้งพี่เค้ามาก น้ำหนักดีจริงๆ หรือเราควรจะหาแฟนเป็นหมอนวดไปเลยนะ ถ้าติดใจขนาดนี้ 555++

นวดเสร็จไปดับร้อนกันที่ Swensen’s สาขาอ่าวนางเลย เสร็จแล้วซื้ออาหาร default ของการมาทะเลกลับมากินที่ห้อง (ส้มตำ ไก่ย่าง ปลาดุกย่าง ข้าวเหนียว โรตี) 😀 อิ อิ

Sunday 29 April 2012

วันนี้ Flight กลับประมาณ 15:30 เราเลยขอทางโรงแรมขอ late check-out ประมาณ 13:30 ซึ่งทาง front ก็บอกว่า ok ค่ะไม่มีปัญหา (น่ารักจริงๆ) แล้วก็ติดต่อรถ Taxi หน้าโรงแรมไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้มารับตอน 13:40 เพราะกะจะแวะซื้อของฝากระหว่างทางหน่อยด้วย (ค่า Taxi รับจากโรงแรมไปส่งที่สนามบินกระบี่ 500)

กะเวลาดีมาก แวะซื้อของฝากเรียบร้อยแล้วถึงสนามบินประมาณ 14:30 พอดีๆ เครื่องออกตรงเวลา ถึงกทมเกือบๆ 5 โมงเย็น นั่ง Airport Link กลับเหมือนขามา สบายๆ

สรุปทริปนี้ก็เป็นทริปที่ประทับใจมาก ทุกที่ที่ไปมีเสน่ห์ในแบบของมัน เกาะพีพีถึงจะดังมานาน มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะตลอดเวลา แต่ก็ยังสวยจนน่าทึ่งอยู่ มีโอกาสก็ยังอยากกลับไปกระบี่อีกนะ ^^ แต่ทุกครั้งที่กลับจากทะเลก็ได้ของแถมเป็นผื่นกลับมา ครั้งนี้ก็ไม่พลาด แถมยังโดนแดดเผาจนผิวแดง & ลอกอีกตะหาก -_-”

ถ่ายหน้า Front ตอน check out เป็นที่ระลึกสักหน่อย XD

ขอสรุป contact point ต่างๆสำหรับทริปนี้ไว้สำหรับคราวหน้าหน่อย

Comments