ทริปนี้เกิดจากไมล์สะสมของการบินไทยกำลังจะหมดอายุ เลยต้องรีบหาเรื่องแลกไมล์ไปเที่ยว ด้วยความที่งานยุ่งกันมากๆ ไม่มีเวลาแพลนทริปอะไรกันเลย เลยคิดว่าควรไปประเทศที่ไม่ต้องวางแผนอะไรเยอะแยะ แต่ของกินอร่อย แนวของกินเล่นเยอะๆ สุดท้ายก็เหลือ 2 choice คือเกาหลีกับไต้หวัน แต่ด้วยความที่ไต้หวันใช้แค่ 35,000 ไมล์ ในขณะที่เกาหลีต้องใช้ 45,000 ไมล์เท่าๆกับญี่ปุ่น เลยจัดไต้หวันเลยละกัน เพราะยังติดใจตลาดนัดกลางคืนกับไก่ทอดอยู่จากทริปครั้งที่แล้วมาก ?

วันเดินทางเราเลือกเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดสงกรานต์ จะได้สวนทางกับชาวบ้านที่กำลังจะกลับมาจากไปเที่ยวพอดี ยอมลางานยาวๆทั้งอาทิตย์ไปเลย เพราะงั้นเราก็จะได้หยุดรวมช่วงสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 13-22 Apr รวมแล้ว 10 วันถ้วนๆ จะได้เป็นการพักผ่อน เติมไฟ แบบจริงจังซะเลย ^^

16-Apr-2018
ออกจากบ้านเกือบหกโมง เพราะ Flight TG632 เครื่องออก 8:25 กว่าจะ Check-in, ผ่าน security / ตม. เข้ามาด้านในก็เหลือเวลาก่อน boarding ไม่ถึงครึ่งชมละ เลยแวะกินอาหารเช้าที่ Auntie Anne’s แบบง่ายๆ กาแฟของที่นี่ก็รสชาติดีใช้ได้อยู่เหมือนกันแฮะ ส่วน Pretzel ไข่เบคอนก็อร่อย และก็ต้องตบท้ายด้วย Almond Pretzel ของโปรด

เครื่องออกดีเลย์ไปหน่อย แถมต้องนั่งรถออกไปจากตัวอาคารไกลอยู่ แต่ไม่ว่ากันเพราะลำนี้เครื่องเป็นรุ่นใหม่ 787-9 Dreamliner ทุกอย่างดูใหม่มาก ทั้งที่นั่ง หน้าจอขนาดใหญ่ที่มาพร้อมช่องเสียบ usb

แต่ที่ประทับใจมากคือเครื่องรุ่นนี้มีระบบ “Mood LED Lighting” ที่เล่นแสงได้หลายๆสีภายในห้องโดยสาร ตอนแรกเรายกกล้องมาจะถ่ายรูป แต่ช้าไปเพราะเค้าไล่เฉดแสงเกือบจบแล้ว ทางแอร์เห็นเลยบอกว่า “ถ่ายไม่ทันใช่ไหมคะ เดี๋ยวเปิดใหม่ให้นะ คราวนี้ถ่ายเป็นวีดีโอไว้เลยนะคะ” โอ้วว ประทับใจเลย แอร์ใจดีมว๊าก เลยเป็นที่มาของคลิปวีดีโอนี้แหล่ะ ^^

อาหารของ flight นี้เป็นออมเล็ต กับ บะหมี่ไก่ รสชาติเฉยๆน่ะ flight นี้ยาวแค่ 3 ชม.กว่าๆ นั่งดูหนังไม่ทันจบสองเรื่องก็ถึงแล้ว นั่งเครื่องใหม่แบบนี้ มันชิลล์เกิน จนรู้สึกว่าทำไมถึงเร็วจัง ฮ่าๆๆ

ลงมาจากเครื่องแล้ว ก่อนถึงตม.เราเห็นร้านค่ายมือถือเรียงรายกันอยู่ เลยแวะซื้อซิมซะเลย ครั้งก่อนเลือก Chungwa Telecom ใช้ดีนะ แต่ครั้งนี้เห็นราคาสำหรับ 5 วัน = 300 NTD ส่วนเจ้าอื่นๆ 5 วัน 250 NTD ราคานี้รวม Unlimited 4G + 50 NTD voice call ครั้งนี้เลยลองเลือกค่าย Gt ดู จากที่ใช้มา 5 วันก็ใช้ได้โอเคอยู่ แต่เหมือน Chungwa สัญญาณจะดีกว่าหน่อยๆ แต่ถ้าไม่ซีเรียสอะไรมากก็โอเคอยู่ ใช้ได้ๆ

หลังจากรอผ่านตม.ที่คิวอย่างยาววว ก็รับกระเป๋า เดินลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่าง เพื่อจะไปขึ้น MRT เข้าเมืองกัน เราเลือกนั่งแบบ express เพราะจะเร็วกว่า และจอดป้ายน้อยกว่า โดยจาก Terminal 1 ไปลงที่ Taipei Main Station ราคาคนละ 160 NTD ใช้เวลาราวๆ 30-40 นาทีก็ถึง จากนั้นก็ต่อรถ Taxi ไปลงที่ Ximending ราคาประมาณ 100 NTD เราว่าสะดวกกว่าลากกระเป๋าไปต่อ MRT อ่ะ เพราะ Taxi ส่งถึงซอยทางเข้ารร.เลย

ครั้งนี้พัก Via Hotel เหมือนครั้งที่แล้วเพราะประทับใจทั้งห้องและทำเล คือสะดวกมากๆ ห้องนอนสบายดี สตาฟก็ friendly

เก็บของเสร็จก็ลงมาหม่ำเลย คราวนี้หมายมั่นปั้นมือละว่ามื้อแรกขอตะลุย Buffet หม่าล่าที่ร้าน Xin Mala Hotpot ที่เป็นบุฟเฟ่ต์พรีเมี่ยมขึ้นไปอีกหน่อยถ้าเทียบกับร้าน Mala Yuanyang Hotpot ที่มาทานครั้งที่แล้ว สาขาที่เรามาทานกันอยู่บนชั้น 6 ของตึก Uniqlo ที่นี่คนไม่เยอะเท่า Mala Yuanyang Hotpot  น่าจะเพราะร้านนี้ราคา 725+ ต่อคน แพงกว่าแต่ก็ได้เนื้อพรีเมี่ยมกว่าชัดเจน  จะด้อยกว่าก็ตรงที่ของหวานร้านนี้มีแค่ไอศกรีมอย่างเดียวน่ะ แต่แค่นี้ก็กินไม่ไหวแล้วววว

กินอิ่มจัด ออกมาเดินย่อยกันซะหน่อย มาครั้งนี้เห็นร้านตู้จับตุ๊กตาเยอะมาก จำได้ว่าครั้งก่อนไม่มีแบบนี้นะ เล่นทีก็ครั้งละ 10 NTD เราก็เข้าไปเล่นกันใหญ่ เปิ้ลดีใจหยอดไป 20 ได้ไข่ขี้เกียจตัวแรกมาครอง (แต่หลังจากนั้นหมดไปอีกเป็นพัน แล้วไม่ได้อีกเลย ขาอ่อนยิ่งกว่าตู้เมืองไทยอีกนะเนี่ยะ ?)

หลังจากหมดไปหลายร้อย ก็เลยเดินเข้า 7-11 & Family Mart หลายๆร้านดูเพื่อหาซื้อ Easycard สำหรับใช้เดินทางในทริปนี้กัน ตอนแรกที่มาจากสนามบินซื้อเป็นแบบเที่ยวเดียวไปแทน เพราะเปิ้ลอยากตามล่าหาการ์ดที่น่ารักๆตามที่เคยเห็นในเวบของเค้า ที่มีทั้ง Kitty, Rilakkuma, Line, etc  หาตั้งหลายร้านก็ไม่ค่อยมีให้เลือกเท่าไหร่ สุดท้ายเลยได้มาเป็น Line & Transformer ที่เป็นพวงกุญแจมาแทนบัตรแบบเสียบกระเป๋า ดูมีประโยชน์เพิ่มขึ้นมาหน่อย บัตรราคา 100 NTD มีมูลค่าในบัตร 100 NTD เอาไปใช้ได้เลย เวลาจะเติมบัตรก็ไปเติมที่ตู้ในสถานี MRT ได้เอง หรือจะให้เจ้าหน้าที่เติมให้ก็ได้ เพราะตู้จะเติมเป็นเศษๆไม่ได้ และไม่มีทอน แต่เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์สามารถทำให้ได้เลย เราก็ให้เจ้าหน้าที่เติมให้ตอนที่จะนั่ง MRT Express กลับสนามบิน ตอนนั้นเงินในบัตรเหลือ 18 NTD เลยให้เจ้าหน้าที่เติม 142 NTD รวมเป็น 160 NTD ให้เป็นค่ารถกลับแบบเป๊ะๆไม่เหลือเศษได้เลย

เดินเล่นไปพักใหญ่ ก็ไปเจอเพื่อนเปิ้ลที่พอดีมาเที่ยวอยู่ที่นี่ เลยต้องนัดจิบเบียร์เม้าท์กันสักหน่อย เดินข้ามถนนไปฝั่ง The Red House ย่านนี้มีร้านเบียร์นั่งชิลล์เพียบ เราเดินกันมาฝนเริ่มตกพอดีเลยแวะร้าน The Garden ที่อยู่เป็นร้านแรกๆเลย บรรยากาศดูชิลใช้ได้ สั่ง Heineken Draft ขนาด 2 Litre มา 1 Tower ราคาก็ 900 NTD แอบแรงงงง แถมฟรายส์ร้านนี้ก็งั้นๆ มีดีที่ให้ดิปชีสมาด้วย นั่งเม้าท์กันยาวจนเกือบห้าทุ่มก็ได้เวลาสลายตัว

แต่อย่าคิดว่าพวกเราจะจบการกินกันแค่นี้เพราะทริปนี้เรามาเพื่อกินนะ ดึกๆแบบนี้ที่ Ximending จะมีร้านรถเข็นเรียงราย สายกินเช่นเราเลยขอติดโรตีไข่เบคอน กับไก่ทอดพร้อมเบียร์มากินต่อที่ห้องซะเลย โรตีไต้หวันนี่เราชอบมาก ซื้อกินแทบทุกวันเลยอ่ะ แห่ะๆ กินกันยาวๆถึงตีสองกว่าถึงจะได้อาบน้ำนอนกัน วันแรกนี่โหดแระ ?

17-Apr-2018
วันนี้แพลนไม่มีไรเลยตื่นเที่ยงๆ เพิ่มพลังมื้อแรกด้วยราเมงร้าน Ramen Nagi ที่อยู่ข้างๆ Xin Mala Hotpot ที่ไปกินมาเมื่อวาน (ตึก Uniqlo ชั้น 6) ร้านนี้เหมือนราเมงข้อสอบเลยนะ คือเลือกได้ว่าอยากได้ราเมงแบบไหม เค้าจะมีฟอร์มมาให้กรอกเลย รสชาติน้ำซุปกระดูกหมูของเค้านี่อร่อยเทียบได้กับ Bankara แต่ถ้าเลือกน้ำซุปแบบ normal ที่นี่จะมีความเข้มข้นกว่านิดๆ ครั้งหน้าถ้าลดมันลงมาอีกนิดเราว่าจะกำลังดีสำหรับเราเลย ส่วนเกี๊ยวซ่าของที่นี่ก็แตกต่างจากที่อื่นๆ ทั้งรูปแบบและรสชาติ คือจะเหมือนกินเกี๊ยวซ่า+กุยช่ายทอด อร่อยดีอ่ะ แถมร้านนี้ให้ปริมาณมาเยอะเลยนะ แนะนำว่าไม่ต้องสั่ง option ใดๆเพิ่มก็อิ่มแล้วนะจ๊ะ อย่าซ่าแบบเรา สั่งมาเพิ่มทั้งหมูและไข่ แต่สรุปกินหมด อืดไปยันค่ำเลย ^^”

แพลนช่วงบ่ายนี่ยกให้คุณนายเปิ้ลเต็มๆ คือชีอยากไป Mitsui Outlet มาก เลยจัดให้ไปเลยทั้งบ่าย เพราะต้องรวมเวลานั่งรถไฟไป-กลับด้วย วิธีการเดินทางคือนั่ง MRT จาก Taipei Main Station กลับไปทางเดิมเหมือนจะไปสนามบิน แต่ครั้งนี้เรานั่ง MRT แบบธรรมดา ไม่ใช่แบบ Express เหมือนตอนขามา มันก็จะใช้เวลานิดนึง แต่ช่วงเวลาที่เราไปคนน้อยมาก นั่งกันสบายๆหลับได้ยาวๆไปลง Linkou Station (A9) แล้วเดินราวๆ 300 เมตรต่อไปที่ Outlet ได้เลย

ที่นี่ก็มี brand ต่างๆเยอะพอสมควร ใครอยากมาเดิน shop ก่อนขึ้นเครื่องก็ลากกระเป๋ามาฝากได้ มี locker ให้เช่า แต่พวกเราขี้เกียจแบกกระเป๋ามาวันกลับ แถมถ้าไม่เจออะไรน่าสนใจที่นี่ เรายังมีวันอื่นๆที่ไปเก็บตกในเมืองได้อีกด้วย เลยมาสำรวจราคากันตั้งแต่วันนี้เลยละกัน shop ที่นี่โดยเฉพาะรองเท้าก็มีครบอยู่นะ ทั้ง Nike, Adidas, New Balance, Skechers, Acis แต่การมาซื้อรองเท้าที่ Outlet นี่ก็ต้องมีดวงหน่อย ว่าจะเจอแบบที่ชอบ ราคาโดน และที่สำคัญมี size หรือเปล่านี่แหล่ะ แต่สุดท้ายเราก็ถอย Asics มาได้คู่นึง ราคาราวๆพันบาทเอง คือฟลุคมากมี size พอดี อิ อิ ส่วนคุณนายเปิ้ลที่อุตส่าห์อยากจะมา กลับไม่ได้อะไรเลย แต่อย่างน้อยชีก็หายคาใจล่ะนะ

อ้อที่นี่มี zone ร้านอาหารอยู่ชั้น 2 ด้วย มีร้านดูดีๆเยอะเลย ชั้นล่างมี supermarket, zone ของหวาน และร้าน Kura Sushi ด้วย ถ้ามานี่ไม่ต้องกลัวหิวแล้วอดแน่นอน แต่พวกเราอืดราเมงกันอยู่ เลยไม่ได้กินอะไรที่นี่เลย แห่ะๆ

ใช้เวลาเดินกันที่ Mitsui Outlet พอสมควร กว่าจะออกมาก็เย็นแล้ว ราเมงเมื่อตอนกลางวันก็เริ่มย่อยแล้ว ก็ไปต่อกันที่ตลาดกงกวน (Gongguan Night Market) ที่เคยมาแล้วครั้งก่อน โดยนั่ง MRT ไปลง Gongguan Station exit 1 หรือ exit 4 ตลาดนี้ขึ้นชื่อเรื่องรองเท้ากีฬา ระหว่างทางจะมี shop ค่อนข้างเยอะกว่าตลาดอื่นๆ เราเดินดูรองเท้าก็หาของกินไปด้วย จัดเบาๆมาเป็นบะหมี่ผัดซอสราดชีส กับเคบับหมูแนวไต้หวัน ตลาดนี้ของกินยังไม่อลังการมากถ้าเทียบกับตลาดอื่นๆนะ เราว่า มาที่นี่ทีไรกินน้อยกว่าที่อื่นทุกที ฮ่าๆๆ

แต่ที่พลาดไม่ได้สำหรับตลาดนี้ก็คือชานมไข่มุกคุณลุง 陳三鼎黑糖青蛙撞奶 นั่นเอง จริงๆวันนี้ที่มาตลาดนี้ก็คือจะมากินชานมร้านนี้เท่านั้นเลยนะ เพราะครั้งก่อนมาร้านนี้ปิดเลยอด พอได้ชิมแล้วต้องยอมรับว่าเด็ดที่สุดในสามโลกสมคำร่ำลือจริงๆ เพราะถึงหน้าตาแก้วชานมจะดูบ้านๆแบบนี้ แต่รสชาติล้ำลึกมากๆ ไข่มุกก็นุ่มอร่อยกำลังดี มีไซรัปสูตรเฉพาะตัวที่เคลือบไข่มุกมาไม่เหมือนใคร ก่อนกินต้องเขย่าๆให้เข้ากับนมด้านบน ดูดแล้วเหมือนได้รสชาติคล้ายกาแฟติดปลายลิ้น พระเจ้าจอร์จมันยอดมากนะ ใครมาที่นี่แนะนำให้ลองมาชิมดูเลย

เคลิ้มจากชานมสมใจแล้ว เราก็กลับไปย่าน Ximending ถิ่นวัยรุ่นแบบเราๆดีกว่า หาของกินต่อ เดินไปเจอไก่ทอดร้าน J&G Fried Chicken เห็นคนต่อคิวยาวๆเลยลองหน่อย รสชาติโอเค แต่ยังไม่โดนมาก ไก่มีติดกระดูกมาอีกตะหาก กินแล้วอารมณ์มันสะดุด ?

ต่อด้วยโรตีอีกร้าน ร้านนี้เห็นคนต่อคิวยาวมาก เลยข้องใจว่าอร่อยแตกต่างจากร้านอื่นยังไง ถึงขนาดยอมต่อคิวรอยี่สิบนาทีเลยคิดเอา เออแต่มันก็อร่อยจริงด้วยอ่ะ ?

สำหรับที่นี่เหมือนผู้คนเค้าไม่นอนกันหรือไงไม่รู้ เที่ยงคืน ตีหนึ่งยังมีคนเดินกันพลุกพล่าน รถเข็นขายของกินก็มีเยอะ แบบยิ่งดึกก็ยิ่งเยอะ ทำให้เสียนิสัย เดินช้อปไปกินไป จนยันกลับเข้ารร.ก็ยังมีของกินติดขึ้นไปกินต่อยันจะนอน พวกเราก็แวะเล่นตู้ตุ๊กตาบ้าง เดินช้อปร้านโน้นร้านนี้ สลับกับกินได้แบบไม่เบื่อเลย เพราะแบบนี้ถึงเลือกจะมาอยู่ที่ย่านนี้ทุกทีที่มาไทเป ?

18-Apr-2018
วันนี้มีแพลนจะไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) เห็นรูปรีวิวมาบอกว่าที่นี่คนเยอะมากเลยเลือกมาวันพุธเพราะกะว่าคนน่าจะน้อยที่สุดละน่า เริ่มการเดินทางคือนั่ง MRT ไปลงสถานี Zhongxiao Fuxing Exit 2 พอออกมาก็เดินตรงมานิด เลี้ยวขวามาหน้าห้าง Sogo จะเห็นป้ายรถเมล์เล็กๆ รอขึ้นรถบัสหมายเลข 1062 ได้เลย ระหว่างรอรถจะมีคนขับ Taxi เข้ามาป้อว่าให้นั่ง Taxi ไปแทนได้นะโดยจะคิดเป็นหัว น่าจะหัวละ 200-300 NTD นี่แหล่ะ แต่ต้องนั่งรวมกับคนอื่นให้เต็มรถกันไป ใช้เวลาสั้นกว่าคือราวๆ 45 นาทีถึง แต่ถ้านั่งรถบัสก็จะราวๆเกือบ 1:30 ชม. พวกเราไม่ได้รีบอยู่แล้วก็เลยเลือกนั่งรถบัสตามแพลนเดิม แถมตอนนั้นรถมาพอดีเลย เราก็เรียงคิวขึ้นรถ ค่ารถก็จ่ายโดยบัตร Easycard นั่นแหล่ะ ขาลงก็แตะอีกที สะดวกดี … (แอบไม่เข้าใจว่าทำไมถ่ายรูปเลขรถไม่ติด ทั้งๆที่ตอนถ่ายรูปเลขมันก็โชว์อยู่นะ ถ่ายกี่ทีก็เป็นงี้แหล่ะ)

ลงรถบัสแล้วก็เดินขึ้นเนินต่อไปหน่อย ก็จะเจอตรอกทางเข้า

ด้านในก็เป็นทางเดินแคบๆ ระหว่างทางมีขายของกิน ของฝากไปตลอดทาง

เราแวะกินไอศกรีมถั่วผักชี A-Zhu เจ้าดังเป็นร้านแรก รสชาติอร่อยแปลกๆดี  สำหรับคนไม่กินผักชีเลยก็บอกเค้าได้เลยว่าไม่ใส่ เค้าจะถามว่าจะให้หั่นเป็นสองชิ้นให้ไหม เลยบอกให้หั่นด้วยเลย จะได้แบ่งกันได้ง่ายๆ

เดินต่อไปอีกหน่อยแวะร้านบัวลอย Lai Ah Po 賴阿婆芋圓  ขนมฮิตอีกอย่างของที่นี่ สามารถเลือกได้ว่าจะกินเย็นหรือร้อน เราเลือกแบบเย็น รสชาติหวานอ่อนๆ แป้งบัวลอยหนึบๆหลายสี มีธัญพืชอื่นๆอย่างถั่วแดง ถั่วเขียวมาด้วย กินแล้วอร่อยชื่นใจดีอยู่ มีที่นั่งทานในร้านสะดวกดี คนเต็มตลอด แต่หาที่นั่งไม่ยาก เพราะกินเสร็จก็ลุกๆทุกโต๊ะ ไม่เห็นมีใครนั่งแช่นะ (ว่าแต่สาวหมวยโต๊ะหน้านี่อย่างขาวอ่ะ เดี๋ยวมีไปเจอกันอีกตอนไปนั่งร้านชา A-Mei ด้วยนะ อิ อิ)

กินหนมเบาๆกันเสร็จแล้วก็เดินไปเก็บรูปมุมนี้ซะหน่อย ไม่ถ่ายไม่ได้ เดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึง วิวสวยมาก

แล้วก็มาเดินถ่ายรูปเล่นๆกันต่อไป

ระหว่างทางก็จัดไข่นกกระทา ไส้กรอกไต้หวัน กับซาลาเปาระหว่างทางมาเพิ่มพลังไปด้วย อร่อยดี

เริ่มเมื่อยก็ไปแวะจิบชาชมวิวร้านดัง A-Mei Tea House ตามรอยเรื่อง Spirited Away กันหน่อย เราสั่งเป็น set ชา เค้าจะคิดเป็นรายหัวคือ 300 NTD/คน สั่งปุ๊บอาเจ้ก็ยก set มาเสิร์ฟในเวลาอันรวดเร็ว แล้วก็สาธิตวิธีการชงชาเป็นตัวอย่าง ดูขั้นตอนแล้วแบบว่าเฮ้ยดูยุ่งยากผู้ดีไปนะ พอตอนต้องทำเองก็เริ่มลดขั้นตอนเอาตามประสาบ้านๆละ เร็วดี ฮ่าๆๆๆ

นั่งชิลล์จิบชาเป็นผู้ดีอยู่พักใหญ่ก็กลับดีกว่า ขากลับก็เดินตามตรอกกลับไปทางเก่า พอออกจากตรอกมาแล้ว จุดขึ้นรถบัสกลับจะเป็นคนละจุดกับขามา คือจากหน้าตรอกถ้าไปจุดที่เราลงรถมาต้องเดินไปด้านซ้าย แต่ถ้าจะไปจุดขึ้นรถกลับต้องเดินไปด้านขวา เดินไม่ไกลก็จะเห็นป้ายรถบัส รอตรงนี้ขึ้น 1062 เบอร์เดิมกลับไปโลด ใครอยากนั่ง Taxi ไปก็ได้เหมือนกัน มีจอดรถอยู่ตรงนั้นเลย แต่เราไม่รีบขนาดนั้น นั่งรถบัสกลับเหมือนเดิมนี่ล่ะ

นั่งไปชม.กว่าๆ ลงป้าย Songshan ลงมาตรงนี้จะเจอกับตลาด Raohe อยู่ด้านหน้า แต่ด้วยความที่เรามาถึงกันตั้งแต่สี่โมงกว่า ตลาดยังไม่เปิดดี เราเลยไปเดินกันที่ตลาดเสื้อผ้า Wupenfu ที่อยู่อีกฝั่งนึงฆ่าเวลา ตลาดนี้เป็นทั้งตลาดค้าส่งและค้าปลีกเสื้อผ้า มีร้านค้าเยอะมาก ราคาถูก แบบสวยๆเยอะ ถ้าสาวๆมาต้องชอบแน่ๆ เพราะที่นี่เน้นเสื้อผ้าผู้หญิงเลย มีของผู้ชายและเด็กบ้างเหมือนกันแต่น้อยกว่าเยอะ

พอเริ่มค่ำก็เดินกลับไปตะลุยกินที่ตลาด Raohe กัน ถ่ายรูปตรงทางเข้าซะหน่อย ประตูฝั่งนี้อยู่ติดกับ Songshan Ciyou Temple ถ่ายรูปตอนกลางคืนสวยดี

ตรงทางเข้าฝั่งนี้เราจะเจอกับร้านซาลาเปาอบ (Fuzhou Shizu Black Pepper Bun) ชื่อดัง สังเกตุง่ายคือเห็นร้านไหนคิวยาวก็ร้านนั้นเลยล่ะ แต่ต่อคิวไม่นานนะ ระหว่างรอก็ได้เห็นวิธีทำเพลินๆไปด้วย ซาลาเปาของที่นี่คือด้านนอกกรอบๆหน่อย ด้านในใส่เป็นไส้หมูต้นหอมมาแน่นเต็มที่ รสชาติดี กินแล้วเข้ากันมาก กินที่ตลาดอื่นก็ไม่อร่อยเท่าที่นี่นะ สรุปคือต้องมาโดน!

เราชอบตลาดนี้นะ มันเดินง่ายเพราะเป็นซอยเดียว เดินยาวๆไป-กลับ มีสองฝั่ง และตรงกลางด้วย เราก็เดินกินไปเรื่อยๆทั้งซอย จริงๆของดีตลาดนี้จะเป็นซุปกระดูกหมู กินคู่ข้าวหมูพะโล้ กับ เสี่ยวหลงเปา ที่เห็นคนกินกันเยอะ ร้านจะอยู่ตรงแถวกลาง คนนั่งกินกันเยอะเลย แต่ไว้คราวหน้าแล้วกัน เพราะคราวนี้เน้นเก็บของกินเล่นกันตั้งแต่ต้นซอยจนเต็มพุงละ ?

นั่งรถกลับ Ximending เดินเล่นย่อยกันอีกพักใหญ่ ก็อยากนั่งพักขา เราเลยพาเปิ้ลไปนั่งจิบเบียร์ย่าน The Red House กันอีกที คราวนี้จะลองดูร้านอื่นบ้างว่ามีโปรฯอะไรน่าสน เดินไปเดินมาก็มาจบลงที่ร้าน K House เพราะมันเหมาะกับสายแข็งแบบเปิ้ลมาก กับโปรฯ All you can drink 600 NTD! คือราคานี้นอกจาก Draft Beer แล้วยังสั่ง Cocktail ได้อีกหลายอย่างตามเมนูเลย นั่งกันไปได้ยาวๆยันตีสองครึ่ง! แถมมีอาหารตาเป็นพนักงานเป็นโอ้ปป้าหน้าตาน่าเอ็นดูมาก คุณนายชอบบบ เลยได้นั่งยาวทั้งคืนจริงๆ แถมร้านนี้ฟรายส์อร่อยด้วยอ่ะ เราติดใจฟรายส์ คุณนายเปิ้ลติดใจเบียร์ & โอ้ปป้า เลยยาวไปๆ ?

กลับโรงแรมมาตอนตีสองกว่า แทนที่จะนอน เปิ้ลยังไม่วายขอตบมาม่าไต้หวันที่ทางโรงแรมมีให้หยิบได้เองฟรีอีกสักชาม งานนี้เลยนอนสบายพุงขึ้นอืดกันไปเต็มๆอีกคืน มาทริปตัวแตกแล้วก็ต้องเอาให้สุดอ่ะเนาะ ?

19-Apr-2018
เพราะเมื่อคืนจัดหนักกันมาก วันนี้กว่าจะออกจากโรงแรมก็บ่ายเลย เพราะดันกินกันยันตีสามทำเอาอิ่มอืดยาวมาจนบ่ายละ มองดูร้านในลิสต์แล้วเลยสรุปว่ามาหาน้ำเต้าหู้กินกันให้สบายท้องหน่อยดีกว่า เลือกร้าน 永和世界豆漿大王 (World Soybean Milk Magnate) ที่อยู่ที่ สถานี Dingxi Exit 2 พอเดินออกมาจากสถานีต้องข้ามถนน ร้านอยู่เยื้องๆกับสถานีใกล้ๆกันเป็นร้าน Ok  พอไปถึงดูเมนูแล้วเราก็จิ้มๆรูปสั่งกับอาเจ้เลย เจ้ก็ทำการติ๊กให้เสร็จสรรพ ที่นี่จะมีทั้งน้ำเต้าหู้แบบปกติ/แบบเค็ม/น้ำเต้าหู้ข้าว เราเลยสั่งมาลองให้หมดทุกอย่างดู แล้วก็สั่งเสี่ยวหลงเปา โรตีปาท่องโก๋ และแพนเค้กไข่มา

น้ำเต้าหู้เค็มจะใส่มาในชามอร่อยแปลกๆดี น้ำเต้าหู้เย็นที่เป็นสีขาวแบบที่เราคุ้นเคยนี่ก็ใช้ได้ แต่ไม่ถึงกับว้าว ส่วนน้ำเต้าหู้ข้าวที่สีคล้ายๆชานี่พวกเราไม่ชอบกันเลย เพราะน้ำมันจะออกแนวหนืดๆข้นๆ สรุปชิมกันไปคนละคำ

โรตีปาท่องโก๋ก็ออกแนวแห้งๆแข็งๆไป กินไม่หมดเหมือนกัน แพนเค้กไข่เจียวใช้ได้โอเค แต่ที่อร่อยเลยยกให้กับเสี่ยวหลงเปาร้านนี้ ถือว่าเกินคาดมาก แต่โดยรวมร้านนี้พวกเราเฉยๆมากกกกกกก

ออกจากร้านนี้ขึ้น MRT ไปลงสถานี Taipei 101 จะได้ถ่ายรูป Landmark ซะหน่อย ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้แวะมา

จริงๆที่มาตรงนี้ไม่ได้อินว่าจะต้องขึ้นตึก 101 หรืออะไรเลย แต่เพราะคุณนายเปิ้ลอยากมาถ่ายรูปกับ Moon Bus ที่จอดให้ขึ้นไปถ่ายรูปได้ที่อยู่เยื้องๆตึก Taipei 101 คันนี้ตะหาก

พอถ่ายรูปกับ Moon Bus เดินข้ามไปถ่ายรูปคู่รูปเดียวของทริปนี้หน้าตึกนิด แล้วก็เข้าไปไปสำรวจตึก 101 แบบเบาๆแป๊บนุง แบบแป๊บนุงจริงๆ ให้เต็มที่ 5 นาทีอ่ะ 555

จากนั้นก็ชิลละ กลับไป Ximending ถิ่นวัยรุ่นแบบเราๆ เดินเล่นหาของกินเบาๆต่อดีกว่า รองท้องกันด้วยชานมไข่มุกร้าน Chachago กับ วาฟเฟิลฮ่องกง (ที่นี่เค้าเรียกภาษาอังกฤษว่า Egglettes) อร่อยดี

ได้เวลาคืนนี้ก็ไปตลาด Shilin Night Market กันต่อ ครั้งที่แล้วก็ไป ครั้งนี้ก็ไปอีก ทั้งๆที่จำได้ว่าไม่ได้ประทับใจตลาดนี้อะไรเป็นพิเศษนอกจากไก่ทอด แต่ก็ยังไป เหมือนมันเป็นตลาดที่ต้องไปถ้ามาไทเปอ่ะนะ เราเริ่มเดินจากฝั่งท้ายตลาดย้อนไปหน้าตลาด ของกินตลาดนี้ก็จะเหมือนๆกันกับตลาดอื่นๆแหล่ะ แต่ที่เด็ดสุดสำหรับเราคือไก่ทอดร้าน M.S.G.P.  ร้านสีน้ำเงินที่อยู่ด้านท้ายตลาด คือไก่ร้านนี้ทอดได้ดีงามมาก อร่อยกว่า Hot Star เยอะนา  พอซื้อไก่ทอดเสร็จก็มาซื้อซาลาเปาอบโอ่ง เกี๊ยวซ่า ลูกชิ้นทอด และน้ำกบ มานั่งกินด้วยกัน พอดีร้านเกี๊ยวซ่าเค้ามีที่นั่งพอดี กิน lot แรกเสร็จก็ไปเดินเที่ยวต่อได้

เดินดูร้านต่างๆไป กินบ้าง ถ่ายรูปมาเฉยๆบ้าง แต่น่ากินหมดทุกร้านเลยนะ กินสลับกับเดินดูของย่อยไปด้วยในตัวได้เลย เพราะร้านขายของก็เยอะอยู่

เดินไปจนถึงด้านหน้าตลาด ตรงนี้จะมีศูนย์อาหารชั้นใต้ดินด้วย สำหรับคนที่อยากกินแบบจริงจัง อาหารดูน่ากินดี ถ้ามากันเยอะๆก็น่าสนใจ แต่พวกเราเดินกินกันมาจนอิ่มๆแล้ว เลยแค่เดินสำรวจละกัน

เดินกลับขึ้นมาด้านบนตรงนี้จะเป็นศูนย์รวมพวกของฝากต่างๆ และยังมีร้านเกมส์งานวัดต่างๆอีกเพียบ อย่างปาบอล ปาลูกดอก ตกกุ้ง ฯลฯ มีตุ๊กตาล่อตาล่อใจเพียบ ราคานี่ครั้งละ 100 NTD แพงอยู่ แต่ไหนๆมาเที่ยวแล้ว อยากเล่นก็เล่นไปโลด สุดท้ายเจ็บใจคุณนายเปิ้ลเล่นไม่ได้ คนคุมเกมส์เลยบอก เอางี้เพิ่มอีก 100 เลือกไปเลยฟรีตัวนึง คุณนายเปิ้ลยิ้มแปร้แบบตูจะได้ตุ๊กตาแล้วๆๆๆแต่มีปัญหาเลือกไม่ถูกอยากได้ทั้ง 2 ตัวอีก มองมาด้วยตาปริบๆ เราเลยต่อรองเด็กที่ร้านบอกงั้นเพิ่มให้อีก 100 ขอ 2 ตัวละกัน สุดท้ายเลยได้มาครอง 2 ตัว เปรมคุณนาย กลับรร.ได้สักที ^^”

กลับมาถึงย่าน Ximending อย่าได้หวังว่าพวกเราจะขึ้นรร.กันหัววัน ดูเวลาแล้วนี่มันยังสี่ทุ่มเองนี่นาาา เลยเดินเล่นต่ออีกหน่อย แวะไปเดินสำรวจของใน 7-11 เพิ่มเติม น้ำที่นี่เยอะจริงๆ น่าลองทั้งนั้น ส่วนพวกชานม กาแฟนมขวดของขึ้นชื่อยี่ห้อ ฉุนช่วย เฮ้อ (純萃。喝) นี่มีหลายรสมาก เราซื้อกลับมากินต่อที่เมืองไทยอีกหลายขวดด้วยนะ นอกจากชาแล้วกาแฟเค้าอร่อยทุกตัวเลย แถมราคาไม่แพง packaging สวย เอาเป็นของฝากได้เลยอ่ะ

เดินเล่นกันไปกันมาสุดท้ายทำอะไรกันลงไปเนี่ยะ!! เริ่มจากไปซื้อไก่ทอดร้าน Monga มาก่อน ร้านนี้ไก่อร่อยดี แต่ยังสู้ร้าน M.S.G.P. ที่ตลาดซื่อหลินไม่ได้ อันนั้นเทพจริงๆ ยกให้เค้าเถอะ ต่อด้วยชานมไข่มุกร้าน 50Lan  ไม่วายก่อนเข้าโรงแรมเดินผ่าน บะหมี่อาจง จำได้ว่าครั้งที่แล้วไม่ค่อยชอบ แต่เอาวะเดินผ่านแล้ว เอาซะหน่อย สุดท้ายก็ไม่ค่อยโดนเหมือนเดิม รสชาติเหมือนกระเพาะปลาใส่บะหมี่ ขนาดกินถ้วยเล็กยังเหลือบาน หมดนี่ยังไม่พอ สุดท้ายของวันนี้ขอตบด้วย ข้าวโพดปิ้งที่สงสัยอยากรู้ เพราะเห็นคนซื้อเยอะในทุกๆตลาดที่ไป แต่มัวกินอย่างอื่นเลยไม่ได้ลอง สุดท้ายทนไม่ไหว มาลองร้านอาม่าคนนึงเป็นรถเข็นใกล้ๆโรงแรม ราคานี่ก็แพงเว่อร์ ถ้าเทียบกับข้าวโพดปิ้งเมืองไทย เพราะฝักละ 90 NTD!!! แต่เอาวะ อยากลอง อาม่าจะทาน้ำซอสแบบของไต้หวันลงบนข้าวโพดก่อนแล้วเอาไปปิ้งต่ออีกพักนึงเลย รสชาติบอกเลยว่าอร่อยมากๆๆๆ น้ำซอสเค้าออกเค็มนิดๆ ตัดกับรสหวานของข้าวโพดฝักใหญ่ ตัวเนื้อข้าวโพดก็กัดง่ายมาก นุ่ม หวาน อร่อย สรุปดีงามจริงๆ ยอมมมม

กลับรร.ตอนเที่ยงคืนกว่า ต้องจัดของเตรียม check-out พรุ่งนี้กันอีก กว่าจะได้นอน ตีสามเหมือนเดิม ?

20 Apr-2018
ทาง Via Hotel มีกำหนดให้ check-out ตอนเที่ยงตรง พวกเราก็ออกเที่ยงตรงกันเป๊ะ ? ฝากกระเป๋ากับทางรร.ไว้ แล้วก็ไปหาอาหารเช้า (ตอนเกือบบ่าย) วันนี้ตั้งใจมากินอาหารแนวไต้หวันที่ร้าน 天天利美食坊 ส่งท้ายก่อนกลับ ร้านนี้อยู่ในย่าน Ximending นี่แหล่ะ พิกัดอยุ่ติดกับร้าน 365 ที่เรามากินครั้งก่อนนั่นเอง แต่รสชาติต้องบอกว่าอร่อยกว่าเยอะเลย ตอนสั่งเราเอารูปจาก Google Maps บอกอาเจ้ที่ด้านหน้าร้านไป จะได้ไม่สั่งผิด จ่ายเงินเสร็จอาเจ้จะหาที่นั่งในร้านให้ ทั้งหมดตามที่เห็นนี่ราคาแค่ 185 NTD แถมอร่อยมาก ครั้งหน้าก็จะกลับมากินอีกแน่ๆ ร้านนี้เด็ดจริง

แพลนของวันนี้เริ่มจากไป Line Friends Cafe & Store กันก่อน โดยนั่ง MRT Taipei City Hall ออก Exit 3 เดินข้ามถนนมา ร้านจะอยู่ชั้น 1 ตึก A11 ของห้าง Shinkong Mitsukoshi เลย ตรงนี้มีทั้งส่วนที่เป็นร้านขายของ กับส่วนที่เป็นคาเฟ่ อยู่ติดๆกัน มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุมอยู่เหมือนกันนะ ของหลายๆอย่างราคาก็ไม่แพงเลย

มาดู Video Review กันว่าที่นี่มีอะไรบ้าง

ถ่ายรูป Line Friend Cafe & เดินเล่นพักใหญ่ เริ่มย่อยกันบ้างละ เลยไปหาขนมกินกันต่อที่ Gudetama Chef กัน โดยนั่ง MRT Zhongxiao Dunhua ออก Exit 5 ร้านน่ารักดี วันที่ไปคนไม่ค่อยมี ไม่ต้องต่อคิว โชคดีจัง ที่ร้านนี้เมนูน่ากินเยอะมาก มีทั้งอาหาร เครื่องดื่มและของหวาน แต่ตอนนั้นพวกเรายังอิ่มๆกันอยู่ เลยจัดมาแค่แพนเค้กกับชาละกัน ขนาดที่เสิร์ฟมาเล็กกว่าที่คิด แต่น่ารักแถมอร่อยมากเกินคาด แพนเค้กเค้าทำได้อร่อยเลย ครีมก็ไม่หวานเกิน เจ้าตัวไข่ขี้เกียจที่อยู่บนสุดเป็น Chocolate หวานไปนิดแต่อร่อยเลยนะ สรุปจานนี้เวอร์คมาก ส่วนชาก็ธรรมดาๆ ไม่มีไรน่าตื่นเต้น ราคาของร้านนี้ก็ไม่แรง สั่งมา 2 อย่างราวๆ 400 NTD อาหารอย่างอื่นก็ราคาไม่แพงนะ

จากนั้นก็ได้เวลากลับรร.ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ละ ก่อนเดินเข้ารร.ยังไม่วายขอแวะ 7-11 นิด ติดใจ Soft Serve ของเค้าตั้งแต่ที่มาครั้งก่อน ราคาโคนละ 45 NTD ขนาดใหญ่แถมอร่อยมากเหมือนเดิม

ครั้งก่อนเราไปสนามบินโดยน่ั่ง Taxi ยาวๆจาก Ximending ไปสนามบิน ครั้งนี้ก็ถามราคา ก็ 1000 NTD เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เรามีเวลาไม่ได้รีบ แถมกระเป๋าไม่ได้เยอะมาก เลยนั่ง Taxi จาก Ximending ไปลงแค่ Taipei Main Station เพราะห่างไปแค่ MRT สถานีเดียว จ่ายค่ารถไปราวๆ 110 NTD เอง จากนี่เราก็ต่อ MRT Express คนละ 160 NTD ไปถึงสนามบินได้เลย สรุปราคารถไปสนามบินสำหรับ 2 คนรวมแล้ว 430 NTD ประหยัดไปเกินครึ่ง แถมคุมเวลาได้สบายๆ สำหรับเย็นวันศุกร์แบบนี้ที่ไม่รู้การจราจรจะสาหัสแบบบ้านเราหรือเปล่า ใครนั่งสายการบินไหนต้องไปลง Terminal ไหนดูได้จากรูปล่างนี้เลย

เดินมาถึง Counter การบินไทย คิวยาวววววมากกกกก รอตรงนี้ไปอีกประมาณครึ่งชม. T-T แต่ดีที่เรามีเวลาเหลือเฟือ

พอเสร็จจาก Check-in เรียบร้อย เราก็ไปหาไรกินกันต่อที่ Food Court โดยเดินลงไปชั้นใต้ดิน ทางที่เราจะไปขึ้น MRT นั่นแหล่ะ (ยังไม่ต้องผ่าน security เข้าไปด้านในนะ) อาหารใน zone นี้มีค่อนข้างหลากหลาย และไม่แพงด้วย เดินดูไปๆมาๆ สุดท้ายขอสั่งไก่ทอดกับชานมไข่มุกมาปิดท้ายทริปซะหน่อย ตามด้วยข้าวหน้าเป็ดอีกเซ็ตนึง อร่อยดี อิ่มตึง ^^

หลังจากนั้นก็เข้าไปด้านในละ ผ่าน Security, Immigration แล้วก็จะมี Duty Free ด้านในให้เก็บตกได้อีก ก่อนจะเดินไป Boarding กันที่ Gate B4 ขากลับ Flight TG635 ไม่ Delay แต่ได้เป็นเครื่องรุ่นเก่า … เสียจัยยยย ? อาหารเลือกมาเป็นไก่กับหมูอย่างละชุด รสชาติก็ธรรมดาๆ

แล้วก็มาถึงเมืองไทยตอนห้าทุ่ม เจอปัญหาเรื่อง scan ลายนิ้วมือที่เครื่องอีกละ ตอนขาไปก็ทำสองรอบ เจอด่านตม.ไต้หวันก็ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายที พอมาครั้งนี้ไม่ผ่านโดยสิ้นเชิง ต้องไปต่อคิวกับจนท.แทน เซ็งมาก แต่ยังรู้สึกดีหน่อยตรงที่ผ่านตม.มาแล้ว กระเป๋าก็ยังไม่มา ถือว่าไม่เสียเวลาเนอะ 555++

สรุปจบทริป 5 วัน 4 คืน แบบโครตชิลล์กันเรียบร้อย ทริปนี้แทบไม่ได้เที่ยวอะไร เพราะตั้งใจมาเน้นกินจริงๆ  โดยรวมก็ยังชอบไต้หวันเหมือนเดิม เพราะของกินถูกใจ ราคาค่าครองชีพไม่แพง แถมเดินทางง่ายด้วย ทริปนี้แทบไม่ได้แพลนอะไรกันเลย ยังเที่ยวได้สบายๆไม่มีหลง ติดใจขนาดไหนคิดดูว่าพอกลับมาเมืองไทยก็เริ่มคิดต่อทันทีว่าครั้งหน้าจะกลับไปอีกเมื่อไหร่ดีละเนี่ยะ ?

Comments