ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในหัวเลย อาจจะเพราะกระแสไม่แรง ไม่ค่อยเห็นรีวิวใน pantip หรือ blog ต่างๆสักเท่าไหร่ เลยไม่มีอะไรมากระตุ้นต่อมอยาก เท่าที่เคยเห็นรีวิวผ่านตาค่าครองชีพที่นี่สูง ตั๋วเครื่องบิน/ที่พัก จัดว่าแพงมาก แต่คราวนี้ที่ได้ไปก็เพราะทางบริษัทให้ไป Train CDP1 (Consulting Development Program) ที่เค้าจัดที่ Sydney พอดี เลยได้โอกาสไปเยือนทวีปนี้ขึ้นมาแบบส้มหล่น

พอรู้ตัวว่าได้ไปก็มาเริ่มจัดการหาข้อมูลต่างๆ หลักๆก็มาจาก Pantip กับ Tripadvisor  ระยะเวลาในการ Train แค่ 3 วันคือวันที่ 11-13 Jan 2016 แต่เราจัดโปรแกรมให้บินไปตั้งแต่เย็นวันที่ 8 Jan และกลับคืนวันที่ 14 Jan จะได้มีเวลาเที่ยววันที่ 9-10, 14 Jan 3 วันเต็มๆแบบไม่ต้องลางานเพิ่ม 😆   หลังจากรู้ว่าจะมีวันว่างวันไหนยังไงแล้ว เราก็ต้องเตรียมแผนการเที่ยวหลายอย่างอยู่เหมือนกัน

  • จองตั๋วเครื่องบิน + โรงแรม
    เรื่องแรกที่ต้องทำก่อนเลยคือหาเที่ยวบิน ครั้งนี้ลองใช้ Traveloka ในการเปรียบเทียบ Flight & สายการบินดูบ้าง เห็นว่ามีสายการบินในไทยครอบคลุมทุกสายการบิน (รวมทั้งสายการบิน Low Cost ต่างๆ) แถมมีช่องทางการจ่ายเงินหลากหลายมาก ทั้งบัตร Credit/Debit/ATM/7-11/CounterService,etc (แต่เราไม่ต้องจ่ายเพราะบริษัทจ่าย อิ อิ :mrgreen: ) และนอกจากใช้จองสายการบินแล้ว ยังสามารถจองโรงแรมได้ด้วย จากที่ได้ลองใช้ เจอว่าหลังจากกด search แล้ว ได้ผลลัพธ์เร็วมาก! คือก่อนหน้านี้เราเคยใช้ทั้ง Skyscanner, Expedia, Cheaptickets ในการหา Flight แต่ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนที่ทำให้เราติดใจคือความเร็วของเว็บ Traveloka รวมทั้ง User Interface ค่อนข้าง Clean ตัวหนังสือใหญ่ ทำให้ใช้งานได้แบบไม่ยุ่งยาก หลังๆเลยใช้เว็บนี้เป็นหลักเวลาต้องการเปรียบเทียบ Flight แบบด่วนๆเร็วๆไปละ
    Traveloka
  • โรงแรม
    • Megaboom City Hotel – นอนโรงแรมนี้เป็นคืนแรก (คืนวันที่ 9 Jan) โรงแรมนี้จองเองจ่ายเอง เพราะถ้าไปเทรนนิ่งเค้าให้บินไปถึงวันที่ 10 แต่เราไปก่อนล่วงหน้า 1 วันจะได้เที่ยวก่อน ก็จองเพิ่มจาก Agoda เอาเอง เลยเพิ่งรู้ซึ้งว่ารร.ในออสฯแพงมาก ส่วนใหญ่หลักราคาไม่ถึง 3 พัน และทำเลดีนี่มักจะเป็นพวก Hostel ไม่ก็ไม่มีห้องน้ำในตัว พอดีมาเจอโรงแรมนี้ รีวิวค่อนข้างน้อยแต่ดูเหมือนจะดี เลยจองไปรวมส่วนลดจากบัตร Citibank แล้วได้มาในราคา 2,915 บาท/คืน (รวม++แล้ว) แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ทั้งทำเลที่ตั้งและความใหม่ของโรงแรม สรุปว่าชอบมากกกกกก
    • Intercontinental Sydney – นี่เป็นโรงแรมที่บริษัทจองให้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10-14 Jan รวม 4 คืน โรงแรมเครือ Intercontinental จะเน้นความหรูหรา แนว Business เกือบทุกที่ที่ไป นอกจากนั้นแล้วต้องยอมรับว่าอาหารเช้าโรงแรมเครือนี้อร่อยมากด้วย สามารถสะสมแต้ม IHG ได้ด้วย สำหรับคนที่ไม่มีแนะนำว่าควรสมัครเป็นอย่างยิ่ง เพราะ member มักจะได้สิทธิ์พิเศษต่างๆมากกว่าแขกทั่วไป เช่น counter check-in แยกต่างหาก (โรงแรมบางแห่งให้ไป check-in ชั้น club floor + เสิร์ฟ welcome drink ต่างหากด้วย), รวมทั้ง Free Wifi, Late Check-out, etc [ดู benefits ของ member แต่ละ Level]
  • ตั๋วเครื่องบิน – พอเลือกสายการบิน & เที่ยวบินจาก Traveloka ได้แล้ว ก็ขอให้พี่นุชจองให้ผ่าน AMEX เหมือนทุกครั้งได้ Flight Detail ตามด้านล่าง ราคา ณ ตอนนั้น (ก่อนเดินทางไม่ถึงเดือน) ค่าตั๋วพุ่งไปเกือบ 55,000 บาท ถ้าจ่ายเองนี่มีเงิบบบบ  😯
    • ขาไป TG 475    | BANGKOK  08 JAN 17:50 – SYDNEY  09 JAN 07:10
    • ขากลับ TG 472 | SYDNEY 14 JAN 22:00 – BANGKOK 15 JAN 03:25
  • ขอวีซ่า –> ทางที่ทำงานให้ Agent (AMEX) ดูแลทั้งจองตั๋วเครื่องบิน + โรงแรม + Visa เพราะงั้นก็ง่ายหน่อย ไม่ต้องจ่ายค่าวีซ่า (135 AUD) และไม่ต้องดำเนินเรื่องเอง แค่เตรียมเอกสารต่างๆให้เค้าทั้ง Form-1415, Passport, สำเนาบัตรประชาชน, ใบรับรองจากที่ทำงาน, รูปถ่าย, จม.เชิญไป Train, Bank Statement พอได้ครบหมดนี่แล้วทาง AMEX ก็มารับไปยื่นให้ผ่านทาง VFS โดยถ้ายื่นผ่าน VFS นี่เราก็จะได้วีซ่าภายในเวลา 10 วันทำการ ส่วน Passport นี่เค้าเอาไปยื่น แค่ 1-2 วันแล้วก็ส่งกลับมาให้เราเลย หลังจากนั้นก็รอ ไม่เกิน 10 วันเค้าก็ส่ง “Visa Grant Notice” มาให้ในเมล์ ระบุว่าเราได้เป็นวีซ่า Class FA, Sub-class 600 มา 1 ปี (29 Dec 15 – 29 Dec 16) ส่ง notice มาแบบนี้สะดวกดีนะ คือ Visa ของออสเตรเลียจะไม่ได้แปะลงไปใน Passport แล้ว เค้าจะออกเป็นแบบ Electronic เลย เราสามารถ Print ติดตัวตอนเดินทางได้ แต่ตอนที่ตม.ของออสฯตรวจ เค้าจะมีข้อมูลอยู่ในระบบอยู่แล้ว ตอนผ่านด่านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
  • Plan การเที่ยว
    • ลองเข้าไปดูตามรีวิวที่พอหาได้ อย่างของลุงเด้งนี่มีประโยชน์มาก และหลักๆอีกเวบคือ Tripadvisor ที่ช่วยในการแพลนทั้งที่เที่ยวที่กินในทริปนี้
    • Search google เอา โดยใช้ key word “Things to do in Sydney, Sydney Top attractions” ก็จะได้ข้อมูลเพียบ เอาไปวางแผนว่าจะเที่ยวที่ไหน
    • วิธีการเดินทาง : หลักๆเลยคือเราจะใช้ App “Opal Travel” ในการแพลนการเดินทางทั้งหมดตอนอยู่ใน Sydney เป็น App ที่ใช้บ่อยมากๆ เวลาจะไปไหน เพราะ App นี้จะมีข้อมูลของทั้งรถ Bus, Train, Ferry รวมอยู่แล้ว แค่เราใส่ว่าเราจะเดินทางจากไหนไปไหน ตอนกี่โมง อยากได้เส้นทางที่เร็วสุด หรือเดินน้อยที่สุด ฯลฯ มี option ให้เลือกหลายอย่างตาม screen shot มีให้ load ได้ทั้ง IOS & Android แต่ถ้าอยากแพลนล่วงหน้าแบบง่ายๆใน PC/Laptop ก็เข้าไปวางแผนได้ในหน้า web ของเค้าที่ http://www.transportnsw.info/
    • หลังจากหาข้อมูลแล้ว เราก็พอจะรู้ว่าสถานที่ไหนที่เป็นจุดสำคัญๆที่ควรไป แต่เราก็ไม่ได้เลือกไปทุกที่นะ อย่างบางที่ฮิตๆ แต่ไม่ใช่สไตล์ เราก็ไม่ไป เพราะด้วยเวลาที่จำกัดก็ต้องเลือกหน่อย แต่สำหรับคนที่มีเวลาๆเยอะๆ แนะนำว่าควรซื้อ iVenture Card เพราะถ้าได้ไปหมดจะคุ้มมาก ตอนแรกเรากะจะซื้อเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า เผื่อต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และเวลา อีกอย่างคือพวกสถานที่ฮิตๆแบบนี้มันจะมี coupon ส่วนลดที่สามารถใช้ลดได้หลายทางมาก ทั้งจาก Guide book ที่สามารถหยิบได้ตั้งแต่สนามบิน, Lobby โรงแรม, ตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะได้ราคาลดไปอีก 10-20%
    • หลังจากหาข้อมูลมาหมดแล้วเราก็ List สถานที่ที่น่าไปมาได้ตามนี้ ส่วนจะไปที่ไหนบ้าง เดี๋ยวไปดูเอาหน้างาน
      • Opera House
      • The Rocks
      • Darling Harbour
      • China Town
      • Paddy’s Market
      • Taronga Zoo
      • Bondi Beach
      • Manly Beach
      • Watson’s Bay
      • Hyde Park
      • Queen Victoria Building (QVB)
      • Royal Botanic Gardens
      • Sydney Tower Eye
      • Sea Life Sydney Aquarium
      • Wild Life Sydney Zoo
  • Plan การกิน –> สำหรับเรา หัวข้อนี้สำคัญมาก 555++ แต่จริงๆเราไม่ได้เจาะจงร้านขนาดนั้น หลักๆที่ขึ้นชื่อของ Sydney ที่อยากกินคือ Fish & Chips, Burger, Pancake, Ribs รวมทั้งร้านกาแฟแนวฮิปๆของเค้านี่แหล่ะ ร้านที่มีอยู่ในใจตั้งแต่ก่อนไปมีแค่ไม่กี่ร้าน ส่วนร้านอื่นๆปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับว่า ณ moment นั้นอยากกินอะไร หลังจากนั้นก็ตามที่เคยทำคือพึ่งพา FourSquare ว่าอะไรที่เจ๋งๆ แถวๆนั้น 😀
    • Pancake on the Rocks – ร้านนี้เป็นร้านที่ต้องมา Mark จุดกันเลย เพราะยอดนิยมมากใน Pantip และเหล่าชาวไทย ถึงแม้ว่าจากรีวิวจะบอกว่าเอาจริงๆรสชาติ Pancake ของร้านนี้ก็ไม่ได้ดีเด่นขนาดนั้น แต่ก็จัดเป็นร้านที่พลาดไม่ได้อยู่ดี
    • Hurricane’s Grill – พลาดไม่ได้อีกเหมือนกัน สำหรับสาวก BBQ Ribs ว่าต้องมาร้านนี้ รวมทั้งเพื่อนๆทั้งที่อยู่ในไทย & ออสฯ ก็ Highly Recommend เลยต้องใส่ไว้ใน Plan ด้วย
    • Superbowl Chinese Restaurant – ตอน search หาข้อมูล เจอร้านนี้ฮิตมากในหมู่คนไทยใน Sydney + ลูกเรือสายการบิน เราที่เป็นคนชอบโจ๊กอยู่แล้วย่อมไม่พลาด ร้านนี้อยู่ใน China Town ที่อยู่ใน Plan ที่อยากไปอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ลงตัว
    • Sydney Fish Market – ใส่ไว้ในแพลน เพราะกะจะไปหา Fish & Chips อร่อยๆทานที่นี่แหล่ะ

[Friday, 8-Jan-2016]

ขาไปเครื่องออกตอน 17:40 เราไปถึงสนามบินราวๆบ่ายสามเพราะกะว่า Check-in เสร็จเรียบร้อยจะไปนั่งทำงานรอเวลาที่ King power Lounge สักหน่อย โดย Lounge นี้สามารถเข้าได้โดยใช้บัตรสมาชิก King Power หรือบัตรเครดิตของ SCB King Power ก็ได้ โดยสามารถพาผู้ติดตามเข้าไปได้อีก 3 คน วิธีการก็แค่โชว์บัตรกับ Boarding Pass ให้พนักงานก็สามารถเข้าไปได้เลย ในเลานจ์ก็มีของว่างเล็กน้อย กับเครื่องดื่มพวกน้ำอัดลม กาแฟ และน้ำสมุนไพรอีก 2-3 อย่าง เป็นมื้อเบาๆรอเวลาก่อนไปขึ้นเครื่อง

Kingpower

17:10 เป็นเวลา Boarding วันนี้ Full Flight เลยแฮะ ตอนแรกก่อนมาสนามบินลองเข้าไปทำ web check-in กะว่าถ้าไม่ full flight จะเลือกที่นั่งที่ไม่ต้องนั่งติดกับใครสักหน่อย สรุปเห็นเต็มทุกที่นั่งเลยเงิบเลย  😐  แต่ดีหน่อยตรงที่เพื่อนที่นั่งข้างๆเป็นสาวออสซี่ อัธยาศัยดี (ตอนลงจากเครื่องมีแนะนำที่เที่ยวใน Sydney ให้อีกตะหาก  :mrgreen: )

สำหรับที่นั่งของ TG475 เที่ยวนี้เป็น 3-4-3 มี PTV ทุกที่นั่ง ไม่มี USB ให้ชาร์จมือถือ แต่หนังใหม่มาก ก็เลยดู South Paw ไปเรื่อยๆ จนประมาณทุ่มนิดๆก็เริ่มเสิร์ฟอาหารละ มื้อแรกคล้ายๆสตูว์ไก่ รสชาติเฉยๆ กินเสร็จดู Hotel Transilvania 2 ต่อจนจบถึงได้หลับ

อาหารมื้อที่ 2 เสริ์ฟก่อนจะถึง Sydney ประมาณ 2 ชม. (ห่างจากมื้อแรกประมาณ 6 ชม.) มื้อนี้จะเป็นสไตล์อาหารเช้า ก็มีออมเล็ต/มันฝรั่ง/ผักโขม/ไส้กรอก/ขนมปัง/Yoghurt รสชาติโดยรวมก็ทั่วๆไป

TG475 BKK-Sydney

[Saturday, 9-Jan-2016]
Landing ที่ Kingford Smith Airport ตามเวลาคือประมาณ 7 โมงเช้า ผ่าน immigration, รับกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินออกมาด้านนอก อย่างแรกที่ทำเลยคือไปซื้อ Sim ก่อน เป็นปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้ ที่เห็นมี 2 เจ้าหลักๆคือ Optus กับ Vodafone ดูจากราคาแล้วเลือก Optus ไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้ทางพนักงานเสียบ Sim ตั้งค่าทุกอย่างให้เรียบร้อย รอสัก 10 นาทีก็ใช้งานได้ ระหว่างนั้นเราก็เดินไปซื้อ Opal Card ที่ร้าน WHSmith เจ้าบัตรนี้จำเป็นและสะดวกมาก ใช้สำหรับการเดินทางทุกประเภททั้ง trains, ferries, bus, light rail ถ้าไม่ซื้อที่สนามบินก็ไปหาซื้อเอาได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป มีเกือบทุกที่
Kingford Smith Airport
จากนั้นก็วิธีการเข้าเมืองละ เราไปแบบง่ายๆและสะดวก คือนั่ง Airport Shuttle Van รถจะไปส่งให้ถึงหน้าโรงแรมเลย สะดวกดี เราใช้บริการของ Redy2Go จองแบบไป-กลับ ให้ไปส่ง-รับที่โรงแรม แต่เพราะทริปนี้เราพัก 2 โรงแรม เราก็เลยต้องบอกเจ้าหน้าที่ไปว่าขากลับมารับอีกที่นะ เค้าก็จัดการ Key เข้าระบบให้เรียบร้อย สำหรับราคาถ้าจองเที่ยวเดียวคนละ 22 AUD แต่ถ้าจองไปกลับก็บวกเพิ่มอีก 16.50 AUD ประหยัดไป 5.5 AUD สรุปเราจองไป-กลับที่ราคา 38.5 AUD หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็บอกให้นั่งรอแถวๆนั้นแป๊บนึงก่อน หลังจากนั้นประมาณ 10-15 นาทีก็มีจนท.พาเดินออกไปขึ้นรถ

** มาดูทีหลังมันจะมีเจ้าอื่นด้วย Airport Connect กับ Airbus Airport Shuttle ราคาก็ถูกกว่า (ไป-กลับ แค่ 30 AUD) แต่ตอนที่ไปไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรมาก ไม่ได้หาข้อมูล เดินไปเจอ Redy2Go ก่อนก็จัดไป จ่ายแพงเลย >_<

** ถ้าไม่อยากใช้ Airport Shuttle ก็สามารถนั่งรถไฟเข้าเมืองได้ โดยนั่ง  T2 Airport Line, Inner West and South Line towards Central Station, แล้วลงที่  Townhall Station หรือ Wynyard Station”

กลับมาที่ Redy2Go ต่อ รถตระเวณส่งผู้โดยสารตามเส้นทาง ใช้เวลาไม่นานเพราะผู้โดยสาร/คันไม่เยอะ คือประมาณ 8-10 คน เหมือนรถตู้นี่แหล่ะ และส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่มๆ เลยจอดแวะส่งแค่ 2-3 ที่เอง Airport อยู่ห่างจาก Sydney CBD ประมาณสิบกว่ากิโล ใช้เวลาเข้าเมืองประมาณ 30 นาที รถมาส่งเราที่ Megaboom City Hotel ตอนราวๆ 9 โมงนิดๆ ยังเช้าเกินไปสำหรับ Check-In เราเลยฝากกระเป๋ากับทาง Reception ไว้ก่อนแล้วออกไปเดินเที่ยว

Redy2Go Airport Shuttle

ด้วยความที่โรงแรมอยู่แทบจะใจกลาง CBD เลย (map) พอเดินออกจากโรงแรมเลี้ยวไปนิดเดียวก็เจอ QVB (Queen Victoria Building), Westfield แล้ว เราก็เดินไปโฉบๆถ่ายรูปซะหน่อย แต่ตอนเช้าๆแบบนี้คนยังไม่คึกคักเท่าไหร่
Westfield & QVBเดินต่อจาก Westfield ไปอีกหน่อย ก็จะเจอ St. James Station ด้านหลังก็เป็น Hyde Park ก็เดินเล่นถ่ายรูป Check-in แต่ละที่ให้ได้ชื่อว่ามาถึงแล้ว แบบผ่านๆ 555++
Hyde Parkออกจาก Hyde Park ก็เดินวกกลับไปทางเก่าเพื่อไปต่อที่ Darling Harbour เลย เราชอบที่นี่มาก บรรยากาศมันชิลจริงๆ มาที่นี่หลายครั้งเลยระหว่างทริปนี้ เพราะร้านอาหารดังๆที่เล็งไว้ก็อยู่ที่นี่ บรรยากาศที่นี่ก็ดี เป็น photo spot ที่เยี่ยมสุดๆ แถมทุกๆวันเสาร์ เค้ามีการจุดดอกไม้ไฟซะด้วย เราก็ plan ไว้ว่าจะมาดูอยู่แล้วด้วยคืนนี้พอดี จากบนสะพานข้ามอ่าวไปอีกฝั่งนึงจะเห็นคนเดินไปมาเยอะแยะ บางคนก็มาวิ่งออกกำลัง บางคนก็ขี่จักรยาน คนที่นี่เค้ามี Active Lifestyle มาก คือชอบออกกำลังกาย ไม่วิ่งก็ขี่จักรยาน บรรยากาศของเค้าแบบนี้มันก็น่ามาออกกำลังกายแบบ Outdoor จริงๆแหล่ะนะ ชิลมากๆๆ

ถ้ามองจากบนสะพานลงไปด้านข้างจะเห็น Tourist Spots หลักๆหลายแห่ง ทั้ง Sealife Aquarium, Wild Life Zoo, Madame Tussauds ที่สุดท้ายเราไม่ได้ไป เพราะไม่ได้อินมาก และเวลามีน้อย เลยต้องเลือกเก็บเฉพาะอย่างที่อยากไปจริงๆจังๆก่อนล่ะนะ แต่สำหรับคนที่ตั้งใจจะไปอยู่แล้วก็สามารถซื้อ iVenture Card  ได้ มันเป็น package ทำให้ลดราคาไปได้เยอะกว่าซื้อบัตรแต่ละที่แยกกัน
Darling HarbourDarling HarbourDarling Harbour

เดินเล่นจาก Darling Harbour ต่อไปจนถึง Fish Market ได้เหงื่อประมาณนึง ทริปกินแบบนี้เราต้องเน้นเดินเยอะ มันจะได้ Burn ไปด้วย ไม่งั้นคงจะบวมจัด เพราะกินหนักจริงๆ (แต่จริงๆก็กินหนักทุกทริปนะ 555++) ตอนนั้นยังไม่ 11 โมงดี แถมยังไม่ค่อยหิว แต่จากที่อ่านรีวิวมาเค้าบอกว่าถ้ามาช่วงเที่ยงน่าจะคนเยอะ จะหาที่นั่งยาก เราเลยมาก่อนกินก่อนเลยละกัน

ที่ Fish Market นี่จะมีพวกอาหารทะเลสดๆให้เลือกเยอะเลย ราคามีป้ายชัดเจน ร้านก็มีหลายร้าน จะมีทั้งของสดที่ยังไม่ได้ปรุง และพวกอาหารที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว เราตั้งใจมากว่ามาที่ Sydney เราจะเน้น Fish & Chip เพราะเป็นของโปรดและของขึ้นชื่อของที่นี่อยู่แล้วเลยไม่ต้องคิดเมนูให้มากว่าจะกินอะไร เดินไปเดินมาแต่ละร้านหน้าตาคล้ายๆกัน สรุปเลยเลือกร้าน Peter’s Fish Market จ่ายค่า Fish & Chips ไปราคา 9 AUD พร้อม Coke Zero อีกขวด แล้วก็ออกมาหาที่นั่งด้านนอก มาเวลานี้คนยังไม่เยอะจริงๆ  เลือกที่นั่งได้แล้วเริ่มกินโลด เค้าปลาให้มาชิ้นใหญ่มาก Fries ก็เยอะ ทอดมาดี ขนาดยังไม่หิวยังกินเรียบไม่เหลือ กินไปดูวิวไป สบายอารมณ์จริงๆถ้าไม่ติดว่าแต่แดดแรงมาก ณ ตอนนั้น ถึงขนาดว่ารูป outdoor ที่ถ่ายออกมาสีจ้าสุดๆ >_<

Sydney Fish Marketกินอิ่มเรียบร้อยก็เดินต่อไป Market City ระหว่างทางแวะซื้อของฝากตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมายมาซะก่อน คือครีมรกแกะ จากร้าน Cherry ร้านหาง่ายมาก คืออยู่หน้า Market City เลย ส่วนครีมที่ได้รับบัญชามาจะเป็นของ Catherine ซื้อจากที่ร้านได้มาราคากระปุกละ 10 AUD สำหรับท่านแม่ที่อยากได้ตัวบำรุงกระชับหน้าขั้นเทพ เราก็จัดตัว Serum ไปให้ต่างหากอีก 2 แบบ พอเอาไปใช้แล้วก็ดูปลื้มปริ่มดีนะ (ครีมรกแกะจริงๆมีหลายราคา ต่างชั้นวรรณะกันตามคุณภาพ ราคามีตั้งแต่กระปุกละ 2-3 AUD ขึ้นไป ส่วนที่ซื้อมา 10 AUD นี่จะเป็นแบบดีเลย ถูกกว่าซื้อจากเมืองไทยเยอะเลยล่ะ)
** ทางร้านบอกว่าถ้าอยากได้ราคาที่ขายที่ Sydney ก็สามารถสั่ง online + ตัดเงิน online แล้วไปรับที่ร้านสาขากทม.ที่ Union Mall ได้ เพราะถ้าไปซื้อที่ Union Mall ตรงๆราคา up เยอะมากกกกก
Cherry Sydney

หลังจากเสร็จภาระกิจแล้วก็ไปเดินสำรวจ Market City ซึ่งเราว่าไม่ค่อยมีอะไร แต่ที่น่าสนใจกว่าคือพอเดินมาด้านล่างชั้นใต้ดิน ก็จะเจอกับ Paddy’s Market ที่เป็นเหมือนตลาดขายของที่ระลึกทุกชนิด ราคาถูกกว่าที่อื่นๆมาก เราเองก็ซื้อของฝากจากที่นี่แหล่ะ มีให้เลือกเยอะและราคาเป็นมิตร น่าซื้อทุกสิ่งอย่าง
Market City & Paddy's Market

จากที่นี่เดินออกไปนิดเดียวเจอ China Town ละ มีร้านอาหารน่าสนใจเยอะดี เดินเล่นวนๆอยู่แถวนั้นเห็นมีร้านชานมไข่มุกหลายร้านซะด้วยทั้ง Gongcha, Comebuy เราเลยเดินเข้า Comebuy ซะเลยเพราะมีที่ให้นั่งพักขา (แต่จริงๆเพราะมันมี Waffle Ball ด้วยแหล่ะ อยากกินๆๆ ^^) สั่งเป็นชานมไข่มุก + Waffle Ball มาซะ (ปล. Fish & Chip จากมื้อด้านบนยังย่อยไม่หมดเลยนะ แห่ะๆ)
China TownComebuy Milk Tea
จากนี่ก็ค่อยๆเดินกลับโรงแรมไป Check-in + พักผ่อนซะหน่อยละ เปิดห้องเข้ามาประทับใจเลย ห้องไม่ได้ใหญ่โต แต่ใหม่ นอนสบาย มีทุกอย่างครบตามที่ควรจะมี ทีวีขนาดใหญ่มีช่องเพียบ+Free Wifi ส่วนที่นอนก็หลับสบายดีมาก
Megaboom City Hotel

นอนเล่นพักผ่อนได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ออกจากรร.ละ เพราะตั้งใจจะไป Bondi Beach  จากรร.ก็เดินไปขึ้นรถ Bus ไปถึง Bondi Beach ประมาณ 4:45PM อากาศกำลังสบายๆ แดดไม่ร้อนแล้ว เดินเล่นดูผู้คนบรรยากาศชิลมาก คนมาเล่นเซิฟกันมั่ง เล่นน้ำมั่ง นอนอาบแดดมั่ง บางกลุ่มก็เล่น Valleyball ชายหาด ชิลสุดๆ เราเดินขึ้นเนินไปจนเจอ Bondi Iceberg Club สระว่ายน้ำของที่นี่น่าว่ายมากกกกกก
Bondi Beach

แถวนี้มีคาเฟ่น่านั่งเต็มไปหมด แต่เรามีร้านอาหารที่จะไปคืนนี้ละ เลยไม่ได้กิน dinner ที่นี่ แต่หิวน้ำเลยเดินเข้า convenience store ไปซื้อ coke zero v. ใหม่(มั๊ง) ขวดมันไม่เหมือน หรือมันเป็น limited edition ไม่รู้ รู้แต่ว่าราคาปวดใจมาก คิดเป็นเงินไทยขวดละเกือบร้อย แถมขนาดเล็กกว่าของบ้านเราอีกนะรุ่นนี้!! แต่รสชาติเราว่าอร่อยกว่า ไม่รู้มโนไปเองตามราคาหรือเปล่านะ แบบว่าแพงแล้วต้องอร่อยไรงี้ 555++

Coke Zero at Sydney

กลับจาก Bondi เข้าเมือง ตั้งใจมากินโจ๊กร้านดังของคนไทยที่ร้าน Superbowl ใน China Town ระหว่างทางเดินผ่านร้านดัง Mamak ด้วย คิวยาวเชียว
China Town Sydney & Mamak
สั่งโจ๊กกับปาท่องโก๋ไป ขนาดใหญ่มากทั้ง 2 อย่าง (แต่ก็ไม่เหลือนะ) โจ๊กอร่อยมากสมคำร่ำลือ ไม่แพ้ที่เคยกินที่ฮ่องกงเจ้าดังๆเลย

Superbowl China Town Sydney

กินเสร็จมองนาฬิกาเกือบจะสามทุ่มแล้วนี่หว่า เลยรีบเดินจาก China Town ไปที่ Darling Harbour เพราะทุกวันเสาร์ 3 ทุ่มจะมีจุดพลุโชว์ ถ้าใครมาตรงกับวันเสาร์พอดีอย่าพลาดเลย พลุสวยอลังการ และค่อนข้างจุดนานเลยล่ะ โชคดีเดินจ้ำไปทันเค้าเริ่มจุดพอดี  คนมาดูพลุเยอะมว๊ากกกกก 😀

Darling Harbour - Fireworks

https://www.facebook.com/abbkung/videos/10153693635281999/

เสร็จจากดูพลุก็เดินกลับโรงแรม วันนี้ใช้ร่างแบบเต็มที่จริงๆ แถมเดินซะเป็นส่วนใหญ่ ดูจาก LG Health บนมือถือแล้ววันนี้เดินไปราวๆ 30,000 ก้าว (ราวๆ 18 km!) เอา Cal ไปหักลบกับที่กินเข้าไปละกันนะ ^^”

[Sunday, 10-Jan-2016]

เช้านี้ตื่นมาอย่างสายเพราะเมื่อวานตะลุยมาทั้งวัน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เอากระเป๋าลงไป check-out แล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ที่รร. เพราะตั้งแต่คืนนี้จะย้ายไปอยู่ที่ Intercontinental Sydney ที่ทางบริษัทจอง(&จ่าย)ให้ละ เราใช้วิธีเดินออกจากรร. ไปกินอาหารเช้าตอนเกือบเที่ยงกันที่ Pancake on The Rocks สาขา Darling Harbour ตอนที่ไปมีแค่ 2-3 คิว รอแป๊บเดียวก็ได้ละ (แต่พอกินเสร็จออกมาแถวเริ่มยาวแล้ว) เมนูร้านนี้นอกจาก Pancake แล้วได้ข่าวว่าพวก Ribs / Steak ก็เด็ดนะ แต่มาคนเดียว เลือกได้อย่างเดียว เลยสั่งเป็น “Eggs Benedict Pancake” (15.95 AUD) ขอเพิ่ม Pancake อีกชิ้น (3.45 AUD) + Flat White อีกแก้ว (3.95 AUD) รสชาติอร่อยเลย แต่ไม่ได้ถึงกับว้าวอะไรมากมายขนาดนั้นนะ เอาเป็นว่าให้ 7.5/10 ละกัน ^^

Pancake on the Rocks Pancake on the Rocks

อิ่มแล้วก็เดินผ่าน China Town ไปที่ Paddy’s Market มาหาซื้อของฝากทั้งหลาย ตลาดนี้ของที่ระลึกเยอะมาก ถูกกว่าในเมืองเยอะ เดินเล่นอยู่นานเหมือนกัน ได้ของพะรุงพะรังกลับไปฝากคนที่เมืองไทยกันถ้วนหน้าละ

เสร็จภาระกิจเรียบร้อยก็เดินกลับไปขนกระเป๋าย้ายรร. ระหว่างทางก็เก็บรูปไปเรื่อยๆ ที่นี่มีตึกสไตล์คลาสสิคเยอะดีนะ ขนาด KFC ยังคลาสสิคเลย อิ อิ
Sydney CBD Classis Bldg

ผ่านมาแถว Westfield มากลางวันแบบนี้ คนคึกคักละ มีตึก Microsoft ใหญ่เลย เดินต่อมาอีกนิดเจอ shop Apple ใหญ่ไม่แพ้กัน ^^
Westfield Shopping Area
เดินลากกระเป๋าออกจากรร.มาเรียก Taxi หน้าถนน จริงๆก็ไม่ได้ไกลกันมาก นั่งรถประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงละ ตัวตึกรร. Intercontinental Sydney มีบริเวณไม่ใหญ่ แต่ทำเลดีมาก เพราะอยู่ใกล้ Circular Quay Station แบบเดินนิดเดียว ภายในตกแต่งสวยดีแฮะ
Intercontinental SydneyIntercontinental Sydney
ก่อนเข้าห้องก็ไปเดินเล่นภายในโรงแรมกันก่อน ที่นี่มีสระว่ายน้ำแต่ขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นสระในร่ม ชั้นเดียวกับ fitness
เดินขึ้นไปอีกชั้นคือชั้น 31 จะเป็น Supper Club ถ้าจะทานอาหารที่นี่ต้องจองล่วงหน้า แต่วิวจากบนนี้สวยดี ถ้ามาตอนเย็นๆนี่น่าจะโรแมนติกมาก
Supper ClubSupper Club

เดินสำรวจได้สักพักก็เข้าห้องดีกว่า  สำหรับ member IHG ก็จะได้สิทธิ์ใช้ Wifi Free แต่แย่ตรงที่ห้องที่เราได้สัญญาณ wifi ไม่ค่อยดี speed เลยไม่แรง >_< แต่หักลบไปได้กับขนาดห้องที่ใหญ่ วิวสวย Facility ครบ แถมเตียงนอนสบายมากกกกก ชาที่นี่ให้เป็นยี่ห้อ Ronnefeldt มีรสชาติให้เลือกหลากหลายดี แถมให้มาเยอะด้วย อยู่ 4 คืนเก็บกลับเมืองไทยมากินต่อได้เป็นเดือน 555++
Intercontinental Sydney - Room
ช่วงบ่ายไม่มีอะไรมาก เดินออกจากรร.ไปเก็บบรรยากาศจุดสำคัญแถวๆนั้นซะหน่อย เริ่มจาก Harbour Bridge 
Harbour Bridge
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆจนถึง Opera House ระหว่างทางจะผ่าน Opera Bar ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์พวกหนุ่มๆสาวๆ มา hang out กันที่นี่เยอะมากกกกกกก  
Opera HouseOpera BarOpera House
จาก Opera House ก็เดินย้อนกลับมาอีกฝั่ง เพื่อจะเดินไป The Rocks บ้าง วิวมองกลับไปทางฝั่ง Opera House กับตรง Circular Quay สวยดี
Circular QuayOpera House
เดินไปจนถึง The Rocks เดินวนเล่นอยู่จนฟ้ามืด (ตอนที่ไปนี่กว่าจะมืดก็หลังสองทุ่มละ) แถวนี้มีร้านอาหารแนว Cafe หลายร้าน ร้านดังอย่าง Pancake on the Rocks, Guylian ก็มีสาขาอยู่ที่นี่ด้วย บรรยากาศแถวนี้จะสไตล์เก่าๆหน่อย
The Rocks
เดินเล่นจนค่ำ เริ่มหิว เลยวกกลับมาทานฝั่ง Opera House เพราะชอบบรรยากาศฝั่งนี้มากกว่า ร้านมีให้เลือกเยอะ แต่เลือกร้าน Buckley’s ที่เป็นร้านแนว Cafe เพราะอยากกิน Wagyu Burger & Fries (เห็นในเมนูที่อยู่หน้าร้าน) พร้อมสั่งเบียร์มากินคู่กันไปด้วย สำหรับรสชาติถือว่าเกินมาตรฐาน แต่ ณ จุดนั้น บรรยากาศมันล้ำหน้ารสชาติไปยิ่งกว่าละ อารมณ์ที่กินไปดูผู้คน + บรรยากาศริมอ่าวไป มันฟินจนส่งเสริมรสชาติจาก 7 ให้เป็น 10 ได้จริงๆนะ  😆
Buckey's

[Monday, 11-Jan-2016]
เกือบลืมว่าจริงๆเรามา Training นี่หว่า เพราะงั้นวันนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาระกิจได้ละ สถานที่ Train คือที่ Cisco Office ที่อยู่ตรง North Sydney [Address: 80 Pacific Highway, North Sydney 2060, Australia] ก็เพิ่งรู้หลังจากมาว่าพวก Technical / TAC Team ที่เราคุยๆอยู่น่ะ เค้าอยู่ที่ St. Leonards ไม่ใช่ที่นี่ ตรงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทีม Sales มากกว่า

การเดินทางจากรร. ถ้าเอาจริงๆนั่ง Taxi ก็ได้ แล้วเบิกกับบริษัททีหลัง แต่เราว่าค่า Taxi ที่นี่มันแพงอ่ะ ขอช่วยบริษัท Save หน่อย นั่งรถ Bus ละกัน วิธีการก็เหมือนที่บอกไว้ตอนต้นว่าเราใช้ App “Opal Travel” ในการเช็คว่า ณ เวลาตอนนั้นที่กำลังจะเดินทาง เราควรไปขึ้นรถ Bus สายอะไร และที่ Bus Stop ไหน App นี้มีประโยชน์มาก เพราะเราใช้รถ Bus ทั้งขาไป-กลับ จาก Office เลย

นั่งรถมาจนถึง Bus Stop ปลายทางเรียบร้อย เพิ่งรู้ว่า Office อยู่ติด Greenwood Plaza ที่นี่เป็นห้าง มี super มีร้านค้า ร้านอาหารเพียบเลย มาถึงยังเหลือเวลาอีกหน่อย เลยขอเดินไปหากาแฟกินสักหน่อย เปิด Foursquare จิ้มได้ร้าน Soul Origin มา สั่ง Flat White แก้วใหญ่ไป รสชาติกลมกล่อมดี (อยู่ออสฯสั่งแต่ Flat White ตลอดเลย ติดใจไปละ ^^)
Soul Originเดินเล่นได้แป๊บเดียวก็ได้เวลาเข้าเรียนละ Trainer ของ Course CDP1 นี้บินมาจากอังกฤษ ส่วนเพื่อนๆใน Class เกือบหมด เป็น NCE เอาโดยรวม Class นี้เราว่าดูเนื้อหาไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่ ตัว Trainer เองไม่ค่อย share experience / guide อะไรมาก ถ้าเทียบกับ course อื่นๆที่เคยเรียนมา คิดว่า course นี้ (หรือไม่ก็ trainer คนนี้) ยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้มาเรียนแหล่ะ … อย่างน้อยก็ได้มาเที่ยวไง เกี่ยวมะ?? แห่ะๆๆ อ่อ ที่นี่ห้องเบรคโอเคเลยนะ มี vending machine, ชาเยอะมาก, มีเครื่องทำกาแฟหลายแบบให้เลือกด้วย
Cisco Office North Sydneyอาหารกลางวันไปกินที่ Greenwood Plaza นี่แหล่ะ มีร้านน่ากินหลายร้าน วันนี้เลือกร้าน Costi’s s Fish & Chips ก่อน เพราะจาก Display แล้วมันน่ากินมากกกกก ร้านนี้เห็นมีหลายสาขากระจายอยู่ทั่วไป ราคาไม่แพง แถมให้เยอะด้วย ครั้งนี้สั่งเป็น Seafood Basket ราคา 9.5 AUD มีทั้งปลา กุ้ง ปลาหมึก ฟรายส์ มา portion ใหญ่มากกกกกก แต่เราก็กินหมดอีกแล้ว?! Andy เพื่อนที่ไปด้วยกันเห็นปริมาณแล้วตกใจ แต่ตกใจยิ่งกว่าตอนเรากินหมด  😆 มันอร่อยจริงๆนะ อมน้ำมันไปนิดดดดดเดียว แต่โดยรวมดีเลย
Costi's Fish and Chipsเลิกเรียนเสร็จก็กลับไปเก็บของที่รร. แต่ก่อนจะเข้ารร.แวะเดินดู Royal Botanic Gardens ที่อยู่ด้านหลังรร.นิดนึง ในนั้นก็เป็นสวน แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจมากมาย ดอกไม้ก็มีไม่เยอะเท่าไหร่ เลยเดินแป๊บเดียวแล้วก็เข้ารร.ไปเคลียร์งานค้างก่อนไปหาของกินรอบเย็น
Royal Botanic Gardenทุ่มกว่าๆยังไม่หิวแฮะ เพราะเมื่อกลางวันกินไปเยอะ แต่ควรออกไปหาไรเบาๆรองท้องดีกว่าหิวตอนเที่ยงคืน เลยเดินออกจากรร. เข้าไปใน CBD เพื่อไปกินซูชิที่ร้าน Sushi-E  ที่ได้มาจาก Foursquare เหมือนเดิม ร้านอยู่ใน Establishment Hotel บรรยากาศค่อนข้างดูเป็นทางการ คือตอนแรกอยากหาร้านที่เป็นซูชิ style comfort เพราะอยากกิน roll แต่เห็น rating ร้านนี้ดีเลยลองดู  ไปถึงที่ร้านทางพนักงานก็พาเราไปนั่งที่ Counter Bar ดูเชฟปั้นกันเลย ราคาอาหารก็สูงตามราคาโรงแรม เรายังไม่ค่อยหิวเลยสั่งเป็นแค่ Wagyu Roll (25 AUD), Unagi (8 AUD) และ Salmon (4.5 AUD) มาลอง รสชาติดี เอาไป 8/10 พนักงานที่นี่บริการดีมาก คอยดูแลตลอด ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีอายุหน่อย
Sushi-E
กินอิ่มเรียบร้อยก็เดินเล่นย่อยไปเรื่อยๆ อากาศเย็นๆกำลังดี ชิลมาก เดินไปจนถึง Circular Quay แวะตบไอติม Gelato ที่ Gelatissimo เจ้าดังหน่อยเหอะ ร้านนี้มีรสให้เลือกเพียบเลย เท่าที่ลองกินไป 2-3 ครั้ง จิ้มๆเลือกมาก็อร่อยทุกรส เสียว่าไอติมเค้าละลายเร็วไปนิด แต่ถ้ามาแถวนี้ยังไงก็ต้องลอง (1 Scoop 5.5/2 Scoop 6.5/ 3 Scoop 7.5 AUD เลือกได้ว่าจะเอา Cone or Cup)
Gelatissimoกินเสร็จเดินนิดเดียวถึงรร. อาบน้ำนอนสบายพุง  :mrgreen:

[Tuesday, 12-Jan-2016]
ตั้งใจว่าจะลองเปลี่ยนร้านกาแฟไปทุกๆวัน ร้านวันนี้คือ Cabrito Coffee Traders อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม แบบเดินไปได้ภายใน 10 นาที ร้านดูฮิปมาก rating ก็ดีมากด้วย เราสั่ง Flat White + ขนมเบาๆมาทานมื้อเช้า เอาจริงๆ Flat White นี่นมเยอะมาก กินแก้วใหญ่ไปนี่อิ่มได้ถึงเที่ยงเลยล่ะ กาแฟร้านนี้หอม นุ่ม เราเลยซื้อ Coffee Bean กลับมาฝากพี่ Michelle ที่เป็นคอกาแฟตัวยง ได้ feedback มาบอกว่า bean ของร้านนี้โดนมาก สำหรับบรรยากาศร้านด้านในวุ่นวายไปหน่อย โต๊ะเต็มตลอด เลยนั่งทานแบบชิลๆไม่ได้ ถ้าได้โต๊ะด้านนอกจะชิลกว่ามาก
Cabrito Coffee Traders
เสร็จแล้วก็นั่งรถไป Train ต่อเป็นวันที่ 2 พอถึงกลางวันก็นัดกับ Veronica ไว้ว่าจะทานข้าวกลางวันด้วยกัน Vero พาไปร้านที่อยู่บน Roof Top ของ Greenwood Plaza ร้านนี้บรรยากาศดี เมนูน่ากิน แล้วก็อร่อยด้วย เรากับ Andy สั่ง Chicken Schnitzel เหมือนกัน  อร่อยมาก จานก็ใหญ่มาก แต่กินหมดอีกแล้ว 😳
Greenwood Rooftop

กินอิ่มกลับไปเทรนรอบบ่ายเกือบจะหลับ ตกเย็นนัด โอ๋ Thiparat ไว้ที่ Grandville จาก Circular Quay นั่งรถไฟไปที่สถานี Grandville ประมาณ 40 นาที รถไฟเป็นแบบ 2 ชั้นซะด้วยนะ
Train in Sydney
มาถึงสถานี Granville เดินออกจากสถานีนิดเดียวก็ถึงร้าน El Jannah ที่นัดกับโอ๋ไว้ ร้านนี้เป็นอาหาร Lebanese ที่ดังมาก หาในเนท เห็น rating ดีสุดๆ เราไปกะโอ๋สองคน แต่ก็สั่งมาลองหลายอย่างอยู่นะ รสชาติก็อร่อยดี แต่ไม่ถึงกับอร่อยมากๆแบบที่คิดไว้ … นั่งกินไป เม้าท์มอยไปนานอยู่ เพราะไม่ได้เจอกันนานมากกกกก ตอนโอ๋กลับเมืองไทยก็ไม่ได้เจอ คลาดไปคลาดมา จนสุดท้ายมาเจอที่นี่แทน 555++
El Jannah
กินเสร็จก็นั่งรถไฟกลับเข้าเมือง ออกจากสถานี Circular Quay แล้วก็เดินบริหารพุง ดูบรรยากาศ Opera House กับ The Rocks ตอนกลางคืนอีกสักหน่อย ก่อนเข้าโรงแรม

[Wednesday, 13-Jan-2016]
ร้านกาแฟของเช้าวันนี้ ชื่อร้าน Underground Espresso อยู่ใน Greenwood Plaza ใกล้ office ร้านนี้ก็ Rating ดี กาแฟหอม รสดี และไม่แพง สั่ง Flat White เหมือนเดิม จะว่าไปแล้วเราไม่ใช่คอกาแฟตัวยง บอกได้แค่ว่าอร่อย หรือไม่อร่อย แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าแต่ละร้านอร่อยต่างกันยังไง แห่ะๆๆ เอาเป็นว่าร้านนี้ดี แต่เป็นร้าน Take Away Only นะ ไม่มีที่นั่ง
Underground Espressoมื้อกลางวันวันนี้ลองร้าน Mexican ที่เล็งไว้ตั้งแต่วันแรก เพราะเห็นคนเข้าคิวเยอะมาก ชื่อร้าน Guzman Y Gomez เป็นร้านที่มีสาขาหลายแห่งอยู่เหมือนกัน เราสั่งเป็น Soft Taco สั่ง Dip Guacamole มากินต่างหากเพิ่มความมันสะใจ สรุปว่ารสชาติกลางๆนะร้านนี้ ไม่ได้อร่อยว้าว แต่ก็ถือว่าดีใน grade ของร้านที่เป็น chain
Guzman Y Gomezวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการ Training ละ Instructor ก็ไม่รู้หวังดี หรือขี้เกียจสอน จบ class ตั้งแต่บ่ายสามกว่าๆ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นคอร์สที่ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่มากขึ้นไปอีก แอบเสียดายแทนบริษัท แต่คิดอีกแง่ก็เหมือนบริษัทให้โบนัสมาเที่ยวละกัน 😀    เลิกเร็วแบบนี้เราเลยมีเวลากลับไปสะสางงานต่อที่โรงแรมก่อน เย็นนี้ตั้งใจว่าจะไป Hurricane’s Grill ที่ Darling Harbour เพราะร้านนี้เพื่อนๆหลายคนมาก หลังไมค์มาบอกว่าต้องไปจัด Ribs นะ ไอ้เราเอาตามตรงก็ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ๋แท้ BBQ Ribs หรอก จะชอบแนว Burger, Fish & Chips, Pancake มากกว่า แต่ไหนๆเค้าว่ามาถึงนี่แล้วต้องลองก็ต้องไป check-in สักหน่อยนะ

บรรยากาศ Darling Harbour ช่วงเย็นๆนี่เป็นอะไรที่ชอบมว๊ากกกกก
ร้าน Hurricane’s Grill มีอยู่หลายสาขา ที่ใกล้หน่อยก็คือที่ Darling Harbour (Harbourside Shopping Centre, Level 2) ที่มาวันนี้ กับที่ Bondi Beach ตอนเราไปถึงมีคิวอยู่นิดหน่อย แต่เพราะไปคนเดียวเค้าเลยหาที่นั่งให้ได้เลย เมนูก็ไม่ต้องคิดมากต้องสั่ง Ribs อยู่แล้วล่ะ แต่อยากลองกิน Steak ด้วย เลยสั่งมาเป็น Combo ที่มีทั้ง Steak + Ribs ในจานเดียวกัน ส่วนรสชาติก็อร่อยดี แต่ไม่ได้อร่อยมาก (อีกละ) คืออาจจะเป็นเพราะรู้ว่าร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องนี้ เลยคาดหวังไว้สูง จริงๆมันก็อร่อยแหล่ะ แต่ไม่ได้อร่อยขนาดว้าวว ดาวขึ้น แถมหลังๆในเมืองไทยเราเองมีร้านคุณภาพเปิดเพิ่มขึ้นเยอะ คุณภาพแทบไม่แพ้กันเลย สำหรับร้านนี้โดยรวมเราให้รสชาติ Ribs 8/10 ส่วน Steak เอาไป 7/10 ละกัน
Hurricane's Grill
เนื่องจากกินอาหาร High Calorie เข้าไปแล้ว ขากลับเลยใช้วิธีเดินกลับเป็นการ balance ซะหน่อย อากาศช่วงที่ไปกำลังดีมาก เย็นแต่ไม่หนาว ตอนกลางคืนไฟสว่าง ไม่น่ากลัว เดินไปเรื่อยๆผ่าน Martin Place  แถวๆนี้เป็นลานกว้าง เห็นมีพวกวัยรุ่นมาเล่น Skate board กันด้วย เดินเล่นไปเรื่อยๆก็ถึงรร. อาบน้ำนอน พรุ่งนี้มีวันเที่ยวอีก 1 วันก่อนบินกลับตอนเย็น
Martin's Place
[Thursday, 14-Jan-2016]
เช้านี้ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Cafe Opera ที่โทรมาจองไว้ก่อน เพราะเห็น rating ดีมากมายทั้งใน Foursquare & Tripadvisor ยังไงก่อนกลับต้องขอลองสักมื้อล่ะ (Buffet ที่นี่ต้องโทรจองนะ แขกที่มาพักหัวละ 30 AUD) บรรยากาศด้านในดูเป็นทางการหน่อยๆ คือไม่ใช่ style casual อ่ะ ไลน์อาหารไม่ค่อยมาก แต่เน้นคุณภาพ พนักงานหน้าตาไม่ friendly เท่าไหร่  ออกแนวขรึม รักษาภาพลักษณ์หน่อยๆตาม grade โรงแรม แต่ถ้าขออะไรก็ได้ทุกอย่างตามที่สั่ง อย่างเราเดินหา pancake ไม่เจอ เลยถามพนักงานว่ามีป่ะ พนักงานบอกเดี๋ยวเอาไปให้ที่โต๊ะ สักพักก็ยกมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ แถมแต่งจานมาอย่างสวยเลย อันนี้ชื่นชม รสชาติโดยรวมถือว่าดีจริงๆ ห้องอาหารนี้
Cafe Opera
อิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องไปอาบน้ำ จัดของเสร็จก็ลงมา check-out แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่ Lobby เดี๋ยวค่อยกลับมารับก่อนไปสนามบิน แพลนวันนี้ที่คิดไว้คือไปเที่ยว Taronga Zoo เป็นหลัก หลังจากนั้นแล้วแต่เวลาจะอำนวย เราเดินมาที่ Circular Quay หาซื้อ Combo Pass ได้ที่ Kiosk แถวๆนั้น โดยใน Combo จะรวม Ticket เข้า Zoo + Ferry Pass from Eco Hopper Ferry ราคา 55 AUD พอได้ตั๋วแล้วเราก็เดินไปรอขึ้นเรือได้เลย ระหว่างทางก็เก็บรูป Opera House กับวิวเมืองได้จากบนเรือในอีกมุมมองนึง เห็นเรือสำราญลำใหญ่โตททอดสมออยู่ด้วย บรรยากาศโดยรวมชิลๆมาก
On Ferry in Sydney On Ferry in Sydney On Ferry in Sydney
จาก Circular Quay ใช้เวลาราว 15 นาทีก็ถึง Taronga Zoo แล้ว ออกจากท่าเรือ เราเดินเลียบด้านซ้ายไปขึ้น Sky Safari (กระเช้า) ไปบนยอดก่อนเลย ระหว่างนั่งกระเช้าก็จะได้เห็น zoo ในมุมกว้างด้วย
Sky Safari - Taronga Zoo
จากนั้นก็เดินเล่นดูเฉพาะที่น่าสนใจอย่างหมีโคอาล่า เพนกวิน ช้างไทย Seal Show
Taronga Zoo

ใช้เวลาเดินเที่ยวอยู่ใน zoo พักใหญ่ๆก็ไปที่อื่นดีกว่า เพราะความที่วันนี้ร้อนอบอ้าวมากเป็นพิเศษ แดดก็แรงมาก เดินไปเดินมาเหงื่อไหลเป็นถังละ แถมไม่ได้ประทับใจ zoo ที่นี่เป็นพิเศษอะไร เพราะไม่ได้สัตว์อะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาจจะเพราะเคยไป Seaworld & Zoo ที่ San Diego, USA มาแล้ว ซึ่งตั้งแต่ไปมาหลายที่เรายังยกให้ 2 ที่นี้เป็นอันดับ 1 อยู่ ยังไม่มีที่ไหนมาโค่นได้เลย  … เลยออกจาก Zoo มาขึ้น Ferry ไปเที่ยว Watson Bay ต่อ ที่นี่ก็เป็นชายหาดเหมาะมาเล่นน้ำ นอกนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ร้านค้าน้อย เทียบไม่ได้กับ Bondi Beach ที่ไปมา ตอนนั้นเลยคิดว่าจะไป Manly Beach ต่อ แต่ดูจากตารางเวลาของ Ferry แล้วกลัวว่าจะกลับไม่ทัน แถมตอนมองจากหาดกลับเข้าไปในเมือง ณ เวลานั้น เหมือนมีพายุอยู่ ฟ้าแล่บแปลบปลาบ เลยตัดสินใจกลับโรงแรม ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า เพราะเดี๋ยวต้องนั่งเครื่องบินยาวอีก วันนี้ตะลุยมาทั้งวัน เหงื่อแตกโซ่กๆ
Watson Bay
กลับมาถึงฝั่งขอ Gelatissimo เย็นๆ ตบท้ายด้วย Dr.Pepper ให้สดชื่นสักหน่อยก่อนเข้าโรงแรม
Gelatissimo & Dr. Pepper

ถึงเราจะ check-out ออกมาแล้ว แต่เราขอ key-card ทางโรงแรมขึ้นไปอาบน้ำบนชั้น fitness บนชั้น 30 ได้ โดยในชั้นนี้จะมีทั้ง fitness room, สระว่ายน้ำในร่มเล็กๆ แล้วก็ห้อง locker แยกชาย-หญิง มีสบู่ ไดร์เป่าผม ทุกอย่างพร้อมสรรพ พร้อมผ้าเช็ดตัว เสร็จแล้วก็ลงไปรอรถของ Redy2Go มารับที่ Lobby โรงแรม

จากโรงแรมไปสนามบินใช้เวลาประมาณครึ่งชม. ไปถึงก็โหลดกระเป๋า ผ่านตม.เรียบร้อยเสร็จตอนสองทุ่มกว่าๆละ เดินสำรวจดูด้านใน ก็มีตัวเลือกร้านอาหารประมาณนึง แต่พลาดไปนิดว่าถ้ายังไม่ผ่านตม.เข้ามา ด้านนอกเค้ามี food court ที่มีร้านน่ากินหลายร้านเลย ไหนๆก็พลาดแล้วเราเลยไม่ง้อ จัด Angus Burger ของ Mc Donald’s ซะเลย Mc ที่นี่ใหญ่ ที่นั่งเยอะ แถม set ที่สั่งมานี่อร่อยจนอยากจะสั่งมากินอีก set นึงเลย ถ้าไม่ติดว่าเดี๋ยวขึ้นเครื่องไปต้องกินอีกรอบ 555++
Mc Donald's - King ford Smith Airport
กินเสร็จค่อยๆเดินย่อยไปรอเครื่องที่หน้า Gate ณ ตอนนั้นร้านอาหารเริ่มปิดกันหมดแล้ว เลยไม่ได้แวะดูของอะไร ตรงไปนั่งรอที่ Gate เลย สำหรับขากลับนี่คนน้อย ตอนทำ web check-in เห็นแววละว่าสบายแน่ เราเลยจองที่นั่งตรงที่ไม่มีใครจองไว้ สุดท้ายก็ได้ครองที่นั่งทั้งแถวเหมือนเดิม ^^ พอขึ้นเครื่องเดินผ่าน Biz Class ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย เครื่องรุ่นนี้ดูเก่าๆ แถมตอนแรกเปิดเมนูเลือกหนังไม่ได้ ทางพี่สจ๊วตรุ่นใหญ่เดินมาบอกว่ารอหน่อยนะครับ เปิดระบบแล้ว แต่เครื่องมันเก่าแล้ว กว่ามันจะไล่เปิดมาจนถึงที่นั่งตรงนี้ต้องรอสักพัก (เหมือนระบบมันค่อยๆไล่เปิดมาจากแถวหน้าอ่ะ กว่าจะมาถึงแถวเรานี่รอไปครึ่งชม. -_-)
TG472
ขากลับมีอาหาร 2 มื้อเหมือนขามา เราชอบมื้อแรกที่เป็นแกง ไม่แน่ใจว่าเป็นแกงกะหรี่หรือแกงพะแนง รู้แต่ว่าอร่อยมาก เราว่าครัวการบินไทยทำอาหารประเภทแกงได้กลมกล่อมดีมาก รสชาติไม่ได้จี๊ดจ๊าด แต่อร่อยอ่ะ น่าจะมีแถมไข่ต้มหรือไข่ดาวสักหน่อย ฟินเลยงานนี้  :mrgreen: สำหรับมื้อที่สองเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่อะไรสักอย่าง รสชาติงั้นๆ
Food on TG472

Flight มาถึงกทม.ตอนตีสามกว่าๆ นอนบนเครื่องบินมาประมาณนึง แต่ก็ยังง่วงอยู่ดี รับกระเป๋าเสร็จก็ใช้ GrabTaxi เรียกรถเหมือนครั้งก่อนๆ เสร็จแล้วทางคนขับจะโทรมา confirm จุดรับเรา ซึ่งทุกครั้งเค้าก็จะให้ขึ้นไปบนชั้น 4 (ชั้นขาออก) ประตู 1 เดินไกลหน่อย แต่ save ค่า taxi สนามบินไปได้ 50 บาท แถมไม่ต้องรอคิวรถด้วย เพราะบางทีกลับมาช่วงเวลาทอง ต้องไปต่อคิวรอรถ Taxi อีกครึ่งชม. มันเซ็งนะ แถม GrabTaxi ยังชอบมีโปรฯออกมาเกือบตลอดเลยใช้ได้เรื่อยๆ … หลังจากใช้บริการมาหลายรอบ สังเกตุว่าคนขับ GrabTaxi ทุกคน สนุกกับการเป็นเครือข่ายของ GrabTaxi นะ เหมือนเค้ามีความท้าทายว่าต้องเก็บรอบให้ได้เยอะๆ เพราะนอกจากจะได้เงิน/รอบแล้ว ยังมีค่าคอมฯพิเศษถ้าได้ตามเป้าอะไรแบบนั้นด้วย

สรุป

ภาพรวม: สำหรับทริป Sydney ครั้งนี้ว่าภาพรวม ประทับใจมากกกกก เป็นเมืองที่มีครบทุกด้านทั้ง ช้อป/ชิม/ชิลล์ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย (โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเรา อิ อิ) เราชอบเมืองที่เป็นสไตล์ Bay Area อยู่แล้ว สำหรับที่ Sydney ชอบ Darling Harbour เป็นพิเศษ นอกจากบรรยากาศดีมากแล้วคงเป็นเพราะเราชอบอาหารด้วยมั๊ง และที่นี่มีร้าน Cafe เยอะแยะมากมาย รวมทั้งร้านดังอย่าง Hurricane’s Grill และ Pancake on the Rocks ก็มีสาขาที่นี่ด้วย สามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้สบายๆ เรือที่ผ่านไปมา รวมทั้งที่จอดอยู่ในอ่าว ก็เป็น background ให้ถ่ายรูปได้แบบสวยๆ บรรยากาศดีทั้งกลางวันและกลางคืนเลยล่ะ (แต่สำหรับคนที่เน้น Romantic หน่อยอาจจะชอบวิวแถว Opera House / The Rocks มากกว่า) ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีก วันๆไม่ต้องทำไรมาก เดินเล่นในเมือง / นั่งอ่านหนังสือดูผู้คนชิลๆที่ Darling Harbour / หรือไปอาบแดด เล่น surf ที่ Bondi Beach หาของอร่อยๆทาน แค่นี้ก็ relax สุดๆแล้วล่ะ

ค่าใช้จ่าย: สำหรับค่าใช้จ่ายของทริปนี้ ส่วนใหญ่บริษัทผู้ใจดีออกให้หมด ทั้งค่าเทรนนิ่ง, ตั๋วเครื่องบิน, โรงแรม, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง (Taxi, Shutle Bus, Opal Card) แค่ยกเว้นค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างโรงแรมคืนแรก, shopping, ค่าตั๋ว Taronga Zoo เท่านั้นเอง หลังจากที่ได้มาทริปนี้ทำให้เปลี่ยนความคิดจากตอนแรกเริ่มที่ไม่เคยมีออสเตรเลียอยู่ในหัว กลายมาเป็นประทับใจจนอยากกลับไปอีก สำหรับค่าใช้จ่ายจุกจิกไม่ list ละกัน เอาเฉพาะหลักๆก็ตามนี้

  • ตั๋วเครื่องบิน – ตอนที่เราทำเรื่องจอง ราคาการบินไทยช่วงนั้นดีดไปถึงราวๆ 55,000 บาทแล้ว แพงมาก ถ้าต้องออกเองต้องไม่ไปแน่ๆ แต่ ณ วันนี้ที่มาลอง search Traveloka  ดูอีกทีเลือกวันที่เป็นกลางเดือนพค. ราคาการบินไทย drop ลงมาอยู่ราวๆสามหมื่นกว่าๆ แต่ถ้าบินสายการบินอื่นๆก็จะถูกลงไปอีกเช่น Qantas ซึ่งบินตรงเหมือนกัน ราคาอยู่ราวๆสองหมื่นกว่าๆ และถ้าไม่มีปัญหาในการต่อเครื่อง ก็สามารถเลือกเป็น Air Asia หรือ Malaysia Airline ก็ได้ ราคาก็จะอยู่ที่หมื่นกว่าๆ ประหยัดไปได้อีกหมื่นนึง
  • วีซ่า – ทาง Amex ดำเนินเรื่องผ่าน VFS ให้ ราคา Visa 3,650 บวกค่าดำเนินการอีก 610 บาท รวมแล้ว 4,260 บาท
  • โรงแรม – Megaboom City Hotel จ่ายเองไป 2,915 บาท (1 คืน) ส่วนที่ Intercontinental Sydney นอนไปทั้งหมด 4 คืน จ่ายไป 1,150 AUD (คูณเรท 25.95 ณ ตอนนั้นก็ราวๆ 30,000 บาท ตกคืนละ 7,500)
  • ค่าเดินทาง – ภายใน Sydney เราใช้การเดินทางอยู่ 5 แบบ คือ Shuttle Van ส่ง-รับที่โรงแรม ของ Redy2Go จ่ายไป 38.5 AUD (1,000 บาท) / Taxi / Bus / Ferry / Train โดยรวมกันหมดนี่แล้วทริปนี้ค่าเดินทางประมาณ 2,500 บาท
  • ค่าอาหารการกิน – รวมหมดทุกมื้อทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนมทุกสิ่งอย่าง กินดี อยู่ดีขนาดนี้ รวมแล้วราวๆ 10,000 บาทพอดีๆ บวกลบนิดหน่อย
  • CDP1 Training – ค่าคอร์สนี้ 1,700 USD ตกราวๆ 60,000 บาท

คิดโดยรวมแล้วสำหรับทริปนี้บริษัทเป็น Sponsor คชจ.ให้ 16x,xxx บาท! แถมยังได้ของแถมเป็นคะแนนสะสม ROP, IHG, คะแนนบัตรเครดิต พร้อม Cash Back สำหรับการรูดใช้ที่ตปท.ด้วย (เพราะรูดไปก่อน แล้วค่อยมาเคลมคืนทีหลัง)  😆 ขอบคุณมากนะคร้าบบบบบบ เจ้านายคงเห็นใจเพราะงาน Overload สุดๆ เลยปล่อยมาเทรนเป็นการ relax + extra bonus (แต่พอกลับมาจากทริปนี้เจ้านายเลยใช้งานได้แบบสบายใจยิ่งกว่าเดิมเลย   🙄  )

Comments