ทริปเกาะเชจูครั้งนี้ค่อนข้างมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก ตอนแรกคุยกันกับที่บ้านไว้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกันโดยกะงบประมาณคนละไม่เกิน 15,000 บาท เอาทริปสั้นๆ 3-4 วันพอ ตอนแรกก็มองว่าจะไปมาเลเซีย (KL-Genting-Cameron) แต่ไปๆมาๆดูเหมือนคุณน้องชายไม่ค่อย in มาเลเซีย แต่อยากไปฮ่องกงมากกว่า แต่พอดีฮ่องกงดันมี mob ยาวต่อเนื่องขึ้นมาซะงั้น สุดท้ายเราเลยลองเสนอเกาะเชจูดู เพราะราคาก็อยู่ในงบ แถมที่นี่ยังเป็นเมืองมรดกโลก ซีรียส์เกาหลีที่เคยผ่านๆตามาก็มาถ่ายทำที่นี่ซะเยอะ ครั้งที่แล้วที่ไปเกาหลีที่โซล-นามิ กับทัวร์มาก็โอเคเลยด้วย เลยไปกล่อมจนทุกคนเห็นดีด้วยจนได้ แต่ก็ดันมาติดเรื่องวันเดินทางอีก เพราะว่างก็ไม่ตรงกัน แถมตอนที่คิดว่าจะไปนี่เป็นช่วงต้นเดือน Nov ละ แต่แพลนว่าจะต้องไปไม่เกินปลายเดือน Nov เพราะกลัวว่าจะหนาวเกิน กว่าจะเคลียร์วันว่างให้ตรงกัน + หาทัวร์ได้นี่แทบแย่ เพราะว่าตอนนั้นโทรไปทัวร์ที่ไหนก็เต็มหมดแล้ว สุดท้ายโชคดีที่โทรไปที่ Exotic Holidays แล้วยังเหลือที่นั่งวันที่ 28 Nov – 1 Dec ให้ gang เรายัดลงไปได้เพราะพอดีคนที่จองก่อน cancel … ก็คนมันจะได้เที่ยวอ่ะเนอะ ^^

อธิบายขั้นตอนการจองทัวร์หน่อย คือที่ Exotic Holidays นี่เราติดต่อคุณต้นไว้ ก็ใช้คุย Line เอาเลย ง่ายมาก สิ่งที่เราต้องส่งให้เค้าก่อนคือ

1. Copy Passport ของคนเดินทางทุกคน มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน (ถ่ายรูปส่งไปให้ก็ได้)

2. ชื่อ-นามสกุล คนเดินทางเป็นภาษาอังกฤษ

แล้วเค้าก็จะออก Invoice มาให้ เราก็โอนเงินไปแล้วส่งหลักฐานการโอนเงินให้เค้า หลังจากนั้นเค้าก็จะส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ ตามมาด้วย ใบนัดหมายการเดินทาง (ใบนี้จะส่งมาให้ก่อนเดินทางประมาณ 1-2 อาทิตย์) เป็นอันเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เตรียมตัว pack กระเป๋า รอวันเดินทางได้เลย

28 Nov 2014

23:00  ตามใบนัดหมายการเดินทางบอกเลยว่าให้ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 23:00 อย่าไปก่อนเพราะ counter ไม่เปิด พวกเราไปถึงกัน 23:00 แต่ counter ก็ยังไม่เปิด! สุดท้ายกว่าจะ counter check-in จะเปิดก็เที่ยงคืนนิดๆ เครื่องบินออกตี 3 (จากตอนแรกบอกว่าจะออกตี 2) ผู้ร่วมทริปในครั้งนี้รวมเราแล้วมี 6 คนถ้วนๆ (ท่านแม่-อี๊ใจ-โดม-เตย-เปิ้ล-เรา)

สุวรรณภูมิ_1

กว่าจะ check-in เสร็จ ผ่านตม.เข้าไปข้างในนี่ก็ตีหนึ่งหน่อยๆแล้ว เดี๋ยวนี้ตม.เค้าใช้เป็นเครื่อง scan แทนละ ทันสมัยดีแฮะ (แบบว่าหลังๆขึ้นแต่เครื่อง low cost ที่ดอนเมือง เค้ายังใช้เจ้าหน้าที่ตม.อยู่อ่ะ … เชยว่ะเรา 😳 ) ถึงจะดึกขนาดไหนก็ไม่หวั่น ท้องยังพร้อมกินอยู่เสมอ โชคดีที่ Burger King & Pizza Company ยังเปิดถึงตี 2 กินอิ่มสบายพุงแบบนี้ จะได้หลับได้ดีๆบนเครื่อง ^^

สุวรรณภูมิ_2

สุวรรณภูมิ_3

Boarding Time ราวๆ 2:35 เป็น Flight เหมาลำ (Eastar Jet ZE 552) การ boarding, การ take off เป็นไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าสายการบินอื่นๆแบบชัดเจน (ในความคิดเรานะ)  ส่วนที่นั่งเราว่าก็นั่งสบายดีนะ เป็นแบบ 3-3 ตอน ไม่อึดอัด รู้สึกสบายมากกว่าตอนนั่ง Air Asia ไป Tokyo ทริปที่แล้วอ่ะ อาจจะเป็นเพราะ Pitch กว้างกว่านะ รู้สึกว่าอย่างนั้น  โดยหลังจาก Take Off ไปแล้วสักพักก็จะมีการเสิร์ฟน้ำเปล่ากับน้ำส้มให้ อีกพักใหญ่ก็จะตามมาด้วย น้ำผลไม้+ของว่าง (คุณภาพของว่างไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เอาไว้กินแก้หิวได้เฉยๆนะ อย่าคาดหวัง)

สุวรรณภูมิ_4

Eastar Jet

29 Nov 2014

นอนหลับไปได้แค่ 2-3 ชม.ก็เห็นแสงเช้า เตรียมบินลงที่เชจูละ ใช้เวลาในการผ่านตม. รอกระเป๋า ราวๆครึ่งชม.ก็เรียบร้อย ทางคนนำทัวร์บอกว่าออกไปด้านนอกแล้วจะมีไกด์ประจำรถบัสของเรามารออยู่ ของเราได้เบอร์ 1 หมายถึงรถบัสคันที่ 1 ตอนเดินออกไปถึงด้านหน้า ไกด์ (พี่เหลิม) ก็มารออยู่แล้ว บอกว่าให้ไปนั่งรอใน zone แถวๆนั้นเพื่อให้ลูกทัวร์ออกมาให้ครบก่อน ระหว่างนี้ใครจะไปเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน หยิบเสื้อหนาวออกจากกระเป๋าใหญ่ หรือจะไปซื้อกาแฟ เข้า 7-11 แถวๆนั้นก็ตามสบาย

Jeju Airport

รวบรวมลูกทัวร์ได้ครบหมดแล้วก็ไปขึ้นรถบัสกันเลย ของกลุ่มเราเป็นบัสคันที่ 1 จากทั้งหมด 5 คัน (ที่มาในเครื่องบินลำเดียวกันนี่แหล่ะ เพราะทางทัวร์เช่าเหมาลำมาทั้งหมด) สมาชิกในคันของเรามีไปกันทั้งหมด 34 คน โดยทางทัวร์ก็เริ่มจากหาอะไรใส่ท้องให้ชาวคณะก่อน เพราะของว่างบนเครื่องบินที่แจกมานี่ไม่ได้ระคายน้ำย่อยของชาวคณะกันเลย 555++ ทางทัวร์ก็คงพอจะรู้เลยจัดโปรแกรมแบบนี้ว่ากินก่อนนะ แล้วค่อยไปเที่ยว โดยมื้อแรกนี่เริ่มจาก ข้าวยำบิบิมบับ พร้อมกับแกงจืดวุ้นเส้นแบบเกาหลี ขนาดแม่เราเป็นคนเลือกกินยังกินข้าวยำได้ เราล่ะ amazing มาก ตอนแรกยังคิดว่าจะไปหาอะไรอย่างอื่นให้กินดีเพราะกลัวแม่กินไม่ได้ แต่สรุปกินหมด แถมดูเหมือนชอบด้วย รอดไปๆ  :mrgreen:


Jeju Airport 2

Bibimbab at Jeju

อิ่มแล้วไกด์ก็พาไปที่ Hello Kitty Island เป็นที่แรก ที่นี่ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ดูคึกคักมากกับการถ่ายรูป เพราะสีสันที่นี่มันหวานแหววจริงๆ มีมุมให้ act เยอะแยะไปหมด ตอนแรก guide บอกว่ามีเวลา 1 ชม.ยังคิดอยู่ว่าทำไมนานจัง แต่ไปๆมาๆกลับไม่พอแฮะ เพราะ gang เรามัวแต่เรียกให้ถ่ายรูปๆๆนี่แหล่ะ ^^”

ที่นี่มีหลายชั้นโดยชั้นบนจะมี Hello Kitty Cafe อยู่ (โล่งเชียว เมืองไทยนี่คิวยาววววว) และบนชั้นดาดฟ้าก็จะมีจุดให้ถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆด้วย

Hello Kitty Island 1

Hello Kitty Island 2

Hello Kitty Island 3
จุดหมายถัดไปคือ
ไร่ชา O’Sulloc ที่เค้าว่าต้องมาชิมไอศกรีมชาเขียวกับโรลชาเขียว เรื่องกินๆแบบนี้ทางแก๊งค์เราไม่พลาดอยู่ละ ก็จัดไปทั้งไอศกรีมรสนมด้วย แถมชาอีก 2 แบบ (confirm by ลิ้นเทพฯในแก๊งค์แล้วคิดว่าอ่อนไป ชอบชาญี่ปุ่นมากกว่า)

Tips: ตอนมาถึงไร่ชานี่ทางไกด์จะพาข้ามไปถ่ายรูปที่ถ้วยชาฝั่งตรงข้ามก่อน ทางทีมเราสวนกระแส เดินเข้าไปกินไอศกรีมกันที่ Cafe ก่อน คนเลยไม่เยอะ พอกินเสร็จพวกที่เดินไปถ่ายรูปก็มาถึงพอดี คราวนี้คิวยาวเหยียดเลย เพราะงั้นถ้ามาถึงที่นี่แล้ว มากินไอศกรีมกันก่อนนะ แล้วหลังจากนั้นค่อยไปถ่ายรูป (ถ่ายทีหลังก็ไม่มีคนมาแย่งถ่ายด้วย สบายมาก)

O' Sulloc O' Sulloc

ต่อด้วยภูเขา SongAk ที่นี่มีขายปลาหมึกสดๆ คนกินกันตรึม ตัวใหญ่ๆสดจริงๆน่ะล่ะ

ภูเขา SongAk

แล้วไกด์ก็พามานมัสการเจ้าแม่กวนอิม และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่วัดซันบังซา (Sanbangsa Temple) โดยการทำบุญจะเป็นการเขียนชื่อลงบนถุงข้าวสารและเขียนคำอธิษฐานลงไป หลังจากไหว้ขอพรเรียบร้อยก็ให้เดินลูบระฆังรอบๆบริเวณนั้น เป็นอันเสร็จพิธี

วัดซันบังซา

ถึงตอนนี้ได้เวลากินอาหารเย็นอีกแล้ว มื้อค่ำวันนี้จะเป็นโอซัมพุลโกกิ เป็นเนื้อหมูบาร์บีคิวหมักสไตล์เกาหลี เรากินหมูกับทั้งข้าวสวยและผักสดของที่นี่สลับกัน เพราะผักที่นี่ใบใหญ่ สีเขียวสด สวยมากๆ รวมๆแล้วเน้นกินผักมากกว่ากินข้าวอีก เพราะผักที่นี่สดและอร่อยจริงๆ แจ่มมากๆ

ส่วนเจ้าปลาซาบะที่เห็นในรูปนี่เป็นอาหารพิเศษที่สั่งเพิ่มมา ไกด์จะถามตั้งแต่ในรถก่อนจะมา ว่าสนใจสั่งหรือเปล่า เพราะปลาซาบะที่นี่จะสด อร่อย มาก ถ้าอยากทานต้องสั่งแล้วไกด์จะโทรไปบอกที่ร้านให้ทำไว้ให้เลย ราคานี่ไม่แน่ใจว่าตัวละ 10,000 หรือ 12,000 วอนนี่แหล่ะ แต่ความสดนี่อย่างที่ไกด์ว่าจริงๆ อร่อยมาก ไม่เคยกินปลาซาบะในกทม.ที่สดอร่อยแบบนี้เลย ถ้ามาแนะนำให้ลองเลย

โอซัมพุลโกกิ

โปรแกรมวันนี้ยังไม่จบนะ ไกด์ยังจะพาไปอีกที่คือน้ำตกชอนเจยอน (Cheonjeyeon Waterfalls) โดยน้ำตกนี้จะเชื่อมกับทะเล และไหลตลอดปี มาตอนกลางคืนได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะ แต่ต้องเดินเข้าไปลึกอยู่เหมือนกันกว่าจะเจอ (น่าจะราวๆ 4-500 เมตรได้)

น้ำตกชอนเจยอน

หลังจากนี้ก็ได้เข้าโรงแรมซะที โชคดีที่โรงแรมอยู่ห่างจากน้ำตกซอนเจยอนแค่ 5-10 นาทีเอง ก่อนเข้าโรงแรมเราแวะซื้อ beer กันจาก 7-11 มาดริ๊งค์ด้วยกันที่ห้องแม่อีกนะ นู๋เปิ้ลติดใจ Cass จากคราวก่อนที่มา ส่วนโดมจัดโซจูมาขวดนึง (แต่อ่อนมาก ดริ๊งค์ไป 2-3 เป๊ก knock เลย 555+) อ่อโรงแรมที่ทางทัวร์จัดให้พักครั้งนี้ชื่อ Poong Gyung Hoteเป็นโรงแรมใหม่ๆเลย ชอบมากอ่ะ เตียงนอนสบาย ทีวีมีช่องเป็นร้อยเลย มีข้อเสียอย่างเดียวคือไม่มีร้านสะดวกซื้อแถวโรงแรมแค่นั้นแหล่ะ ต้องให้ไกด์พาแวะข้างทางก่อนกลับมาโรงแรมทั้งสองคืนเลย ทัวร์เชจูนี่ดีอยู่นะ เน้นให้พักผ่อน เที่ยวตอนกลางวันเต็มที่ แล้วปล่อยเข้ารร.พักผ่อนตอนทุ่มกว่าสองทุ่ม อย่างวันนี้ก็กลับถึงรร.ราวๆทุ่มนิดๆ เลยต้องดริ๊งค์กันต่อซะหน่อย อิ อิ

Poong Gyung Hotel

30 Nov 2014

6:00 เป็นเวลา morning call ของวันนี้ สูตรของวันนี้คือ 6-7-8 คือตื่น 6 โมง ทานข้าวเช้า 7 โมง และล้อหมุน 8 โมง อาหารเช้าของโรงแรมก็จะแบบง่ายๆมากๆ มีขนมปังปิ้ง ไข่คน แฮม สลัด ข้าวต้ม น้ำส้ม น้ำบ๊วย กาแฟ กับผลไม้ คือเอาไว้ทานรองท้องได้อยู่ ไม่เน้นจริงจังน่ะ

Poong Gyung Hotel Breakfast

วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า ยังคิดอยู่ว่าเราจะเที่ยวกันยังไงเพราะวันนี้โปรแกรมเด็ดๆก็เป็นแบบ outdoor ด้วย แถมที่แรกที่จะไปคือ ยอดเขาซองซานอิลซุงโบล (Seongsan Ilchulbong Peak) เป็นภูเขาไฟที่เคยปะทุเมื่อนานมาแล้ว และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก Unesco ด้วย ที่นี่เราต้องเดินกันยาวเลยกว่าจะถึงยอดเขา โชคดีที่ตอนไปถึงฝนก็เริ่มซาบ้างละ เราก็แปลงร่างเป็นนักมวยสวมฮู๊ดเดินขึ้นเขากันเลย ส่วนแม่กับอี๊ขอบาย นั่งกินกาแฟรอกันอยู่ด้านล่าง เพราะงั้นก็จะมีแค่ เรา เปิ้ล โดม เตย เดินขึ้นไปพิชิตยอดเขากันล่ะ

ทางเดินขึ้นสำหรับเรา เราว่าไม่ถึงกับโหดเท่าไหร่ ก็เดินไปถ่ายรูปไป ก็โอเคอยู่นะ โชคดีเดินขึ้นไปสักพัก ฝนก็หยุดละ สบายเลย ทางขึ้นเค้าทำทางไว้ค่อนข้างดี แต่ก็ยังเดินยากอยู่ เพราะดันใช้บันไดเป็นสไตล์หินก้อนๆ ไม่ใช่เป็นทางเรียบๆ ยังไงถ้าเป็นคนสูงอายุก็ไม่แนะนำให้ขึ้นอยู่ดี  ใช้เวลาเดินถ่ายรูปขึ้นไปถึงด้านบนราวๆ 20-30 นาทีก็จะเห็นเป็นปากปล่องภูเขาไฟกว้างมาก

อย่าลืมว่าเดินขึ้นแล้วก็ต้องเดินลงด้วยนะ  แต่ทางลงเค้าทำไว้เป็นบันไดไม้ เดินง่ายกว่าขาขึ้นเยอะอยู่ พอมองลงไปแล้วแบบว่า เฮ้ย เราปีนขึ้นมาสูงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ ภูมิใจหว่ะ 555++

เดินถ่ายรูปลงมาจนถึงด้านล่าง แล้วก็แวะร้าน Caffe Bene ซะหน่อย เป็นร้านเดียวกับกาแฟที่ซื้อมาจาก 7-11 วันแรกที่ชิมแล้วอร่อย   ร้านนี้เห็นอยู่เยอะเหมือนกัน ขนาดในเชจูยังเห็นหลายร้าน ที่สนามบินก็มี เลยอยากลองกาแฟที่ร้านบ้าง เราสั่ง Iced Latte ส่วนเปิ้ลสั่งชานมไข่มุก (ที่ชีกินเข้าไปแล้วทำหน้าปุเลี่ยนๆๆๆ สรุปว่ามันไม่อร่อยเลย ^^”) แต่ตัว Latte เค้าอร่อยใช้ได้นะ (แต่ทำไมชอบแบบที่กินใน 7-11 มากกว่า?!?)

ยอดเขาซองซานอิลซุงโบล

ออกจากที่นี่ไปต่อกันที่ ซอฟจิโกจิ (seopjikoji)  เป็นทุ่งหญ้าติดทะเล ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำ series เกาหลีหลายเรื่องเลยทั้ง F4 (Boys over Flowers) , IRIS ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเห็นดอกยูแช บานเต็มทุ่งเลย แต่ถึงตอนนี้จะไม่มี แต่อากาศที่นี่ดีมาก มาเดินเล่นตรงนี้รู้สึกเหมือนได้อากาศที่บริสุทธิ์มากๆ ขนาดท่านแม่เรายังยอมเดินไปจนเกือบสุดเลย ถ่ายรูปที่นี่ได้แสงดีมาก นางแบบทั้งหลาย post กันเต็มที่  😆

ซอฟจิโกจิ

ซอฟจิโกจิ

ต่อด้วยศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง ครั้งที่แล้วไปที่ไปโซล ยังไม่มีโปรแกรมนี้แฮะ ตัวน้ำมันสนนี่เค้าว่ามันช่วยในเรื่องที่เกี่ยวกับหลอดเลือด สรรพคุณก็จะช่วยในเรื่องของ ความดัน ไขมันในเลือด เบาหวาน ภูมิแพ้ ไมเกรน อ่อนเพลียเรื้อรัง ฯลฯ  โดยที่ร้านจะมีการ test ให้กับทุกๆคนด้วยว่าแต่ละคนมีปัญหาด้านไหน โดยใช้เครื่องเช็คจากนิ้วมือเรา แล้วมันก็จะขึ้นลักษณะของเส้นเลือดให้ดู แล้วจะบอกได้ว่าร่างกายเรามีปัญหาด้านไหน ดูจากผลแล้วเหมือนน่าจะเชื่อได้แฮะ เพราะของเตย ของเปิ้ลนี่บอกเลยว่ามีปัญหาภูมิแพ้ แต่ของเรานี่บอกว่ามีเรื่องไขมันอุดตันเส้นเลือด/เครียด,ไมเกรน/ความดันโลหิต งงไปเลย ตอนแรก็คิดว่าเราสุขภาพดีแล้วเชียวนะ >_< แต่ทุกคนที่ตรวจก็เจอทุกคน ไม่มีใครที่ปกติอ่ะ 555++ สรุปว่าท่านแม่สั่งจัดน้ำมันสนเข็มแดงไป set ใหญ่ 1 เซ็ต จ่ายๆไปราวๆล้านวอน ก็ตกประมาณสามหมื่นนิดๆ พอตัวเบาไปยกที่ 1 แล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เที่ยงนี้เป็นหมูพุลโกกิ (Bulgogi) อร่อยๆ พร้อมโปรตีน ไขมัน และ vitamin จัดเต็ม

Bulgogi

จากนั้นทางทัวร์ก็พาไปดูโชว์ม้าที่ Pony Valley โชว์นี้สนุกมาก คนที่บังคับม้าเก่งมากจริงๆ แถมการทรงตัวบนหลังม้าก็สุดยอด ต่อตัวกันบนม้าที่วิ่งอยู่ได้ กระโดดเชือกบนหลังม้าได้ คิดเอา!

พอดูโชว์เสร็จแล้วก็จะมีให้ถ่ายรูปกับนักแสดงด้วยนะ สาวๆอย่างท่านแม่ อี๊ใจ และนู๋เปิ้ล ดี๊ด๊าๆ ขอถ่ายรูป ทำเอาตากล้องกดถ่ายไม่ทันเลย  😆 แถมก่อนกลับเจอ the horse masters ด้วย เลยขอถ่ายรูปไว้หน่อย โชว์ของทีมนี้แหล่ะที่พวกเราชอบมาก เก่งจริงๆอ่ะพวกนาย!

Pony Valley

โปรแกรมถัดไปอยู่ห่าง Pony Valley ไปนิดเดียว คือที่ หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอับ (Seongeup Folk Village) หมู่บ้านนี้เค้าบอกว่าตอนนี้ก็ยังมีคนอยู่จริงนะ ที่นี่จะมีไกด์สาวของที่หมู่บ้านนี้เป็นคนอธิบายคู่กับไกด์ของเรา ของที่ขายที่นี่จะเน้นหลักๆคือกระดูกม้า กับ โอมิจา (เป็นน้ำที่ทำจากตระกูล berry เข้มข้น เอาไปผสมน้ำแล้วดื่ม หวานๆอร่อยดี)

หินปู่แบบในรูปนี้จะมีให้เห็นทั่วทั้งเกาะเชจู เป็นหินปู่ทั้งคู่ ถ้าอยากขอลูกชายลูบจมูก ขอลูกสาวลูบปาก ขอให้ร่ำรวยเงินทองลูบพุง อยากขอทุกอย่าง ก็ลูบไปให้ทุกแบบนะจ๊ะ  :mrgreen:

Tip: ที่นี่ห้องน้ำมีแค่ไม่กี่ห้อง ก่อนมาแนะนำให้เข้าห้องน้ำที่อื่นมาให้เรียบร้อยก่อนนะ ไม่งั้นรอยาววววว

หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอับ

โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ก่อนไปกินข้าวเย็นคือที่ Midam Cosmetic เป็นร้านขายพวกเครื่องสำอางค์/เวชสำอางค์ ดังๆทั้งหลาย ทั้งสาวและไม่สาวก็ช้อปกันเมามันส์ เป็นการชิมลางก่อนโปรแกรม shop กระจายพรุ่งนี้

Midam Cosmetic

อาหารเย็นวันนี้เป็นหมูย่างคาลบี้ ( Kalbi ) ตัวหมูมาแบบชิ้นใหญ่ๆเลย จริงๆคือมันสุกมาแล้วนะ กินแบบนี้เลยก็ได้ หรือเอามาปิ้งต่อก็จะได้อีกสัมผัสนึง ตัวหมูไม่นุ่มนะ ออกจะแข็งหน่อยๆด้วย ก่อนกินก็ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็กๆก่อน ทานกับผักสด+น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว (น้ำจิ้มหลักของที่นี่) อร่อยใช้ได้  หรือใครไม่ชินจะกินกับข้าวสวยก็ได้นะ เติมได้ไม่อั้นเลย ทุกสิ่งอย่าง เอาจริงๆชอบหมูเกาหลีแบบที่หมักมาแล้วมากกว่านะ อันนี้เนื้อมันไม่ค่อยนุ่มอ่ะ ตัวหมูจืดๆ ต้องพึ่งน้ำจิ้มเด็ดๆช่วย แต่ที่นี่เค้ามีแต่น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวอย่างเดียว ไม่ใช่น้ำจิ้มแบบที่หาได้ในร้านปิ้งย่างเมืองไทยอ้ะ >_<

หมูย่างคาลบี้

อิ่มอืดกันแล้ว ไม่วายบอกไกด์ให้พาแวะ mini mart ก่อนเข้าโรงแรมซะหน่อย ตุนเบียร์กันไปอีกคนละ 2-3 กระป๋อง พร้อมของขบเคี้ยว นัดแนะเรียบร้อยเดี๋ยวเข้าโรงแรมแล้วเจอกันห้องแม่ 555++ ทัวร์เชจูนี่พาเข้าโรงแรม 1-2 ทุ่มแบบนี้ ราตรีมันก็ยังอีกยาวไกลอ่ะนะ สรุปเปิ้ลก็ยังติดใจเบียร์ยี่ห้อ Cass บอกว่ากินแล้วสดชื่นสุด ไม่ยอมกินยี่ห้ออื่นเลยยยย ส่วนคุณน้องโดมนี่ก็กอดโซจูขวดเดียวที่ซื้อมาตั้งแต่วันแรกเป็นหลัก แซมด้วยเบียร์ยี่ห้อละนิดละหน่อย น๊อคติดกันทุกคืน  😆

วันนี้ก่อนนอนมีจัดกระเป๋านิดหน่อย ทริปนี้จัดง่ายมาก เพราะไกด์บอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปร้านละลายเงินวอน เค้าจะมีบริการ pack ของที่ซื้อ + ของอื่นๆลงลังให้ เหมือนตอนไปที่โซล เพราะงั้นเราเลยจัดพวกเสื้อผ้าใช้แล้วต่างๆแยกมาส่วนนึง เอาไว้ไปยัดลงลัง ในกระเป๋าจะได้เหลือที่ไว้สำหรับยัดของที่จะซื้อพรุ่งนี้เข้าไป ใช้เวลา pack แป๊บเดียวก็เสร็จ นอนได้

 1 Dec 2014

วันสุดท้ายละ วันนี้ต้องกลับแล้วอ่ะ ตื่นมาเดินออกไปข้างนอก อากาศหนาวมาก เหมือนต้อนรับเดือนธันวาคมเลยอ่ะ เมื่อวานยังไม่หนาวแบบนี้เลย กินข้าวเช้าเสร็จก็ขนกระเป๋าขึ้นรถไปตระเวณโปรแกรม shopping ภาคบังคับกันเลย ทั้งฮอกเก้นามู, ศูนย์โสมฯ มากับท่านแม่กับอี๊นี่ได้จัดทุกร้าน ทัวร์ถูก แต่ shopping แพงยิ่งกว่าไปยุโรป  🙄

Shop ตัวเบาหวิวววววววจนได้เวลาอาหารเที่ยง ไกด์พี่เหลิมก็พาไปกินไก่ปลอบใจ เป็นมื้อแรกของทริปนี้เลยนะ ที่อาหารไม่ใช่หมู มื้อนี้เป็น Jim-Dak ไก่ในน้ำซุป อร่อยเลยนะ เสียอย่างเดียว ไก่มันติดกระดูก กินยากไปหน่อย ติดใจเครื่องเคียงที่เป็นมักกะโรนีสลัดด้วยอ่ะ เติมไปหลายรอบมาก กินเพลินจนอิ่มเลย

Jim-Dak

โปรแกรมการ shopping ยังไม่จบ จากนี้ยังมีไปต่อที่ Shilla Duty Free ด้วย การซื้อของจากที่นี่พอซื้อแล้วต้องไปรับที่สนามบินนะ ร้านก็มีครบดี ทั้ง Brand หรูๆ อย่าง Rolex, Gucci, Prada ลงมาจนถึง Brand ทั่วๆไป พวกเครื่องสำอางค์ฮิตๆอย่าง Etude, Skin Food  ก็มี แต่อาจจะไม่ได้มีของทุกอย่างที่อยากซื้อ ด้านบนมี Counter Line ด้วย เลยถ่ายรูปมาซะเลย

Shilla Duty Free

ไปต่อที่ ยงดูอัมร็อค (Yongduam Rock) หรือโขดหินรูปหัวมังกร นี่เป็นสถานที่เที่ยวสุดท้ายละ แต่บอกเลยว่าตอนไปถึงนี่ทั้งหนาวมากๆ ลมแรง มองไปในทะเลคลื่นก็แรง ตอนเดินลงไปจะถ่ายรูปนี่ลมพัดมาจะปลิวให้ได้ ต้องรีบกดถ่ายรูปแล้ววิ่งขึ้นรถกันเลย สุดๆแล้วอ่ะที่นี่ อธิบายเป็นคำพูดยากอ่ะ ดู Video Clip ประกอบละกัน ^^”

ยงดูอัมร็อค (Yongduam Rock)  โขดหินรูปหัวมังกร

ท้ายสุดของวันนี้ละ กับ Downtown เชจู ที่นี่ด้านบนจะเป็น shop ต่างๆ อย่างพวก New Balance แต่วันนี้ขอบอกว่าหนาวจริงๆ ลูกทัวร์ทุกคนไม่มีกะใจจะ shop ด้านบนละ ขออยู่ใต้ดินดีกว่า คือตรงนี้จะมีทางลงใต้ดินเรียกว่า Jungang Shopping Mall ด้านล่างก็จะมีขายเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์หลักๆทั้งหลายอย่าง Etude, Skinfood, ฯลฯ สาวๆก็มาจัดที่นี่กันได้เลย แต่มันก็ไม่ได้เยอะแยะ อลังการน่าเดินเหมือนที่เมียงดงหรอกนะ อาหารมื้อเย็นมื้อเดียวที่หากินเองไม่รวมในทัวร์ ต้องกินกันจากที่นี่ไปเลย เพราะที่สนามบินนี่ไม่มีอะไรให้กินเลย วันนี้คุณน้องชาย request Doni Burger ที่กินแล้วคุณภาพไม่ได้ต่างจาก Mc Donald’s เท่าไหร่ ^^”

Jungang Shopping Mall

Doni Burger in Jungang Shopping Mall

ได้เวลาแล้วก็เดินทางไปสนามบินได้เลย เราจะมีการ pack ของกันที่นี่ ส่วนใครที่ซื้อของกับทางไกด์อย่างลูกพลับแห้ง กับ สาหร่ายแผ่น เค้าจะเอามาให้ที่สนามบินนี่เลย ตัวสาหร่าย pack กล่องใหญ่มาให้อยู่ละ ก็โหลดลงเครื่องไปเลย แต่ลูกพลับนี่ต้องยัดกระเป๋าเดินทาง หรือถือขึ้นเครื่องเท่านั้น

พื้นที่ในการ pack ของในสนามบินเจจูนี่ค่อนข้างจำกัดมาก เพราะคนไทยที่มาลำเดียวกันตอนแรกก็กลับพร้อมกันหมด 5 bus 180 คน ยังไม่พวมทัวร์จีนที่คนเยอะกว่าเราอีกหลายเท่า ที่ต้องใช้พื้นที่เดียวกัน แถมนิสัยก็ … แล้วแบบว่าตอนมาพวกเรามีกระเป๋ากันคนละใบ 6 คน 6 ใบ … แต่ขากลับนี่มีกล่องงอกขึ้นมาเพียบ รวมเป็น 12!

กว่าจะ check-in ตรงนี้เสร็จก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆเลยแหล่ะ แต่พอเข้าไปด้านในได้แล้วก็ชิลละ ข้างในสนามบินที่รอหน้า gate ไม่มีอะไรเลยจริงๆ สนามบินเป็นสนามบินเล็กๆอ่ะ Duty Free ก็ไม่ใหญ่ ของกินนี่มีร้าน Snack Bar อยู่ที่เดียว ขาย sandwich, burger, มาม่า, น้ำ เบียร์ ประมาณนี้ ไม่มีร้านอาหารเป็นเรื่องเป็นราว ดีนะที่กินมากันก่อน ก็นั่งเล่นแถวหน้า Gate ไปจนได้เวลา boarding แล้วก็จะมีรถบัสมารับไปขึ้นเครื่อง

Jeju Airpot - Departure

นั่งเล่นดู series on ipad บ้าง หลับบ้าง ราวๆ 5-6 ชม.ก็ถึงสุวรรณภูมิ ตอนประมาณตี 1 กว่าๆ  ยังดีที่แม่ให้กู๋เกียรติมารับที่สนามบิน ไม่งั้นต้องไปรอ Taxi อีก พอกลับถึงบ้าน อาบน้ำ สลบ! ของที่ซื้อมานี่กว่าจะ unpack เสร็จหมดใช้เวลาหลายวันกันเลย

Trip Summary

  • ราคาค่าทัวร์คนละ 13,900 บาท จองที่ Exotic Holidays คุณต้น ลดให้คนละ 300 เหลือ 13,600 บาท –> ราคาทัวร์ขึ้นกับช่วงเวลาที่ไป และวันที่ไป ถ้าเดินทางไม่ตรงกับศุกร์ – เสาร์ ราคาจะถูกลง
  • จากที่ถามจาก Guide (พี่เหลิม) บอกว่าทัวร์ทุกทัวร์ที่มาเชจู ก็ส่งต่อให้กับทัวร์ใหญ่คือ True World Travel ที่นี่เค้าจะเช่าเหมาลำเครื่องบินที่บินตรงจาก BKK-Jeju เลย ถ้ามาเองก็ต้องไปต่อเครื่องที่ Seoul ก่อนนะ เพราะงั้นมากับทัวร์น่าจะง่ายสุด
  • ราคาค่าทัวร์ยังไม่รวม Tip ไกด์ท้องถิ่น กับ คนขับรถ อีกคนละ 20,000 วอน เพราะงั้นก็ให้เตรียมเงินตรงส่วนนี้เพิ่มไปด้วย
  • ทัวร์เกาหลี ทั้งเชจู และที่ไปโซล มักจะมีแฝงการพาไป shopping ตามศูนย์ฯต่างๆ เค้าไม่ได้บังคับซื้อ แต่ก็จะเสียเวลาและน่าเบื่อสำหรับบางคน
  • ทางทัวร์จะมีขายของบางอย่างบนรถให้สามารถสั่งซื้อได้ด้วย สำหรับทริปนี้จะมีลูกพลับ กับ สาหร่ายแผ่น ซื้อแล้วรับได้ที่สนามบิน
  • สรุปว่าทริปนี้ทุกคน Happy ไม่มีเสียงบ่นจากท่านแม่ (ที่ได้ชื่อว่าบ่นเก่งที่สุดในปฐพี) เป็นอันว่าผ่านฉลุย!
  • ทริปนี้ไม่น่าเบื่อเลย อาหารถึงจะไม่หรูหรา แต่อิ่มอร่อยทุกมื้อ ผักที่นี่สดมากๆ ประทับใจ
  • ติดใจอากาศที่เกาะเชจู เหมือนได้สูดโอโซนเข้าไปเต็มปอด ถ้าอากาศที่เมืองไทยสดชื่นได้ขนาดนี้ ผู้คนคงจะแข็งแรงกันถ้วนหน้า
  • ถ้าเลือกเวลาที่จะไปได้ ควรไปช่วงที่ดอกยูแช กำลังบาน ช่วงราวๆเดือนเมษาฯนี่จะแจ่มเลย
  • เราว่าเกาะเชจูมันมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะน่าเบื่อไหม เพราะออกแนวเที่ยวเชิงธรรมชาติมากๆ แต่พอมาแล้วไม่น่าเบื่อเลยนะ เพราะอากาศดี วิวดี ทางทัวร์วางโปรแกรมได้ลงตัวมาก ไกด์ก็เชี่ยวชาญและฮาได้ใจ
  • ถ้าถามว่าอยากจะกลับไปอีกไหม ก็ตอบว่าก็อยากกลับนะ แต่รอทางทัวร์ปรับเปลี่ยนโปรแกรมเป็นอย่างอื่นบ้าง (เช่น Love Land … อิ อิ อิ) เพราะเอาแค่ไปกินๆเดินเที่ยว สูดอากาศ กับราคาแค่หมื่นต้นๆ เราว่าก็คุ้มมากแล้วล่ะ เที่ยวเมืองไทยตอนนี้ยังแพงกว่าเลย
  • Pocket Money เฉลี่ยๆแล้วเอาไปคนละ 5000 บาท ไว้ซื้อของกินเล่นเล่นทั้งหลาย ชา กาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ของที่ระลึก  ขนมนมเนย ก็มีเหลือกลับมากันทุกคนนะ (ยกเว้นที่ไปของใหญ่ๆอย่างน้ำมันสน โสม ฮอกเก้นามู เครื่องสำอางค์ อันนั้นรูดบัตรต่างหากไป)
  • ติดใจความสบายของการเที่ยวทัวร์ หลังจาก Back pack มาตลอดทุกทริปที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ไม่ต้องวางแผนอะไรเลย ไม่ต้องหาข้อมูล สบายสุดติ่ง ถึงมันจะค่อนข้างไม่ชิลมาก แต่โดยรวมชอบเลยนะ สบายดี เหมาะกับคนขี้เกียจในการวางแผนและขี้รำคาญอย่างเรามาก!! laugh
Comments