ช่วงก่อนวันเกิดคิดอยู่พักนึงว่าอยากไปเที่ยวๆๆๆ แต่ไปไหนดีละ เพราะเปิ้ลก็ไปเกาหลีในช่วงวันเกิดเราซะละ แล้วจะชวนใครล่ะทีนี้ ตอนแรกคิดอยู่เหมือนกันว่าจะไป back pack คนเดียวเลยก็น่าจะดี ว่าจะไปเชียงใหม่หาออยดีนะ แต่คิดไปคิดมาแล้วก็เฉยๆกับเชียงใหม่ ไม่ได้มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษ แล้วก็พอดีโอ๋มาถามพอดีว่าไปไหนกันไหมช่วงวันเกิดเรา โอ้วววเข้าทางมาก ตอบไปทันทีว่า”ไป” แต่ไปไหนนั้นถ้าถามจริงๆเหรอ อยากไปฮ่องกงอ่ะ เพราะคิดถึงอยากไป ไม่ได้ไปนานมากแล้ว ครั้งล่าสุดนี่ก็ตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลย อยากไปกินๆๆๆๆอ่ะ! โอ๋ก็น่ารักมากตอบโอเคมาอย่างง่ายดาย เป็นธุระจัดการให้ทุกสิ่งอย่าง ทั้งจอง package, ติดต่อ agency, หาแหล่งเที่ยว/กิน/shop, print แผนที่, หาข้อมูลทุกสิ่งอย่าง ต้องขอขอบคุณมากมาย ^^ สรุปว่าซื้อ package ของ mileage air 3 วัน 2 คืน บิน HK Airline พัก Panorama by Rhombus ไปพฤหัส-เสาร์ คนละ 13,550 ราคานี้รวมรถรับ-ส่งสนามบิน และ city tour 1 วัน พร้อมนั่งกระเช้านองปิง

19 July 2012
5:45 ออกจากบ้านไปสนามบิน .. เครื่องออก 8:25 วันนี้ line immigration ยาวมากกกกกก วันนี้ดีนะ เครื่องไม่มีดีเลย์ เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องของ HK Airline ชอบตรงที่แม้แต่ econ class ก็มีทีวีส่วนตัวให้แบบนี้ หนังค่อนข้างใหม่และเยอะดี ชอบจริงๆ ^^

อาหารก็โอเคอยู่นะ อร่อยใช้ได้


12:45 ถึงสนามบินฮ่องกง ทาง mileage ก็จะมีคนมารอรับ (ซึ่งเป็นไกด์คนเดียวกับที่จะพาเราไปทัวร์พรุ่งนี้นี่เอง น้อง Tiffany น่าร๊ากกกกก) เราก็บอกให้เค้ารอแป๊บนึงแล้วเดินขึ้นไป 1O1O shop ชั้น 7 ของ airport เพื่อซื้อ sim ของ one2free ราคา $100 สามารถเล่น unlimited data ได้ 7 วัน (หักจาก sim $78 ที่เหลือก็ใช้โทรไป) ใส่ sim เสร็จเดินกลับมาหา Tiffany เค้าก็จะพาเราไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ในสนามบินฮ่องกงอีกที เจ้าหน้าที่ก็จะพาเราไปขึ้นรถ coach เพื่อไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย

พอถึงโรงแรมแล้วก็ไป check-in ตอนจองโอ๋จองมาขอเตียงเดี่ยว 2 เตียง แต่เจ้าหน้าที่ดันให้เป็น 1 bed เราเลยบอกไปว่าแต่เราขอมาเป็น 2 เตียงนะ เค้าเลยบอกว่างั้นรอหน่อยได้ไหม ห้องกำลังทำอยู่ น่าจะอีกสักชั่วโมง … เราก็โอเค ไปกินข้าวก่อนก็ได้เพราะมีแพลนจะไปกิน Yung Kee อยู่แล้ว

จากโรงแรมเดินไป MTR ซื้อบัตร Octopus ก่อน ครั้งแรกที่ซื้อต้องจ่าย 150HKD เป็นค่ามัดจำบัตร 50 และจำนวนเงิน 100 เอาไปขึ้น MTR/รถบัส/7-11 และสถานที่อื่นๆได้ — นั่ง MTR ไปลงสถานี Central Exit D2 เดินอีกหน่อยพอเจอร้าน coach ตรงหัวมุมก็ใกล้จะถึงถนน wellington ที่ตั้งของร้าน Yung Kee ละ

โอ๋จองมาจากเมืองไทยแล้วเพราะงั้นก็ได้ที่นั่งทันที (แต่ตอนนั้นร้านก็โล่งอยู่พอตัวละ ก็ 15:30 ละนี่ ^^”) ดูๆเมนูแล้วก็สั่งของสำคัญก่อนเลยคือห่านย่างครึ่งตัว, wonton soup, ข้าวผัดหยางเจา … ห่านก็อร่อยอ่ะนะ แต่ไม่ได้กินแล้วแบบว่าอร่อยม๊ากกกกกกก อะไรแบบนั้น แบบว่าอร่อยธรรมดา จริงๆแอบชอบข้าวผัดมากกว่าอ่ะ 555

เราว่าอร่อยกว่าห่านย่างอีกนะ ^^"

ออกจาก Yung Kee แล้วก็กลับโรงแรม (Panorama by Rhombus) ก่อน จะได้ check-in สักกะที ทีนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าได้ upgrade ห้องไปพักห้อง 3010 ชั้น 30 harbour view บรรยากาศดีมาก  จริงๆเราสามารถดู Symphony of Light จากหน้าต่างห้องได้เลยนะเนี่ยะ โชคดีจริงๆ  XD

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=mlB1Uh5RX8g&feature=player_detailpage]

นั่งเล่นได้สักประมาณทุ่มนึงก็เดินออกจากโรงแรมไปเรื่อยๆ เพื่อจะไปดู Symphony of Light แถวหอนาฬิกาที่จะเริ่มตอน 2 ทุ่มตรงของทุกวัน ทั้งๆที่เป็นคืนวันพฤหัสแต่คนก็ค่อนข้างเยอะ ถ้าเป็น weekend คนน่าจะล้นหลามกว่านี้เยอะ … ดูเสร็จแล้วแอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะนึกว่ามันจะอลังการกว่านี้ แห่ะๆ … นึกว่าจะมีจำนวนตึกที่เล่นแสงเลเซอร์ได้มากกว่านี้ แต่จริงๆแล้วก็มีไม่กี่ตึกหรอก

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=Kd40euziwiE&feature=player_detailpage]

หลังจากดูเสร็จก็ไปเดินเล่นสักพักโอ๋ก็ชวนว่าไหนๆมาแถวๆนี้แล้ว ไปกินรอบดึกที่ Sweet Dynasty มั๊ย ไอ้เราก็เริ่มๆหิวแล้วเลยจัดปายยย กินเบาๆรอบดึกเป็นโจ๊กกะติ่มซำนิดหน่อยละกัน แค่อยากชิมอ่ะ ดึกแล้วด้วยยยยย … สรุปว่าอร่อยสมชื่อ คราวหน้ามาใหม่จะมาจัดอีกนะ

กินเสร็จเดินย่อยต่อ ถึงโรงแรมเที่ยงคืนได้  แห่ะๆๆ

20 July 2012

วันนี้มี City Tour นัดไกด์ไว้ 8:20 พวกเราก็ตื่นกันตั้งแต่หกโมงกว่าๆ ไปหาโจ๊กรอบเช้ากินกันก่อนเลยที่ร้าน Hung Lee ตามคำแนะนำลุงเด้ง โจ๊กหมูอร่อย แต่ตัวกระเพาะไม่อร่อยนะ ส่วนปาท่องโก๋ออกจะเหนียวไปหน่อย แต่สรุปว่าถ้ากินโจ๊กอย่างเดียวก็โอเค

กินเสร็จเดินกลับมาโรงแรม ไกด์มารับพอดี ที่แรกที่จะไปคือโรงงาน Jewelry (ไม่เข้าทางคนไม่ใส่เครื่องประดับอย่างเราเล้ยยยย) ที่นี่เค้าเน้นขายแต่เครื่องรางรูปกังหัน ซึ่งคนฮ่องกงมักจะมีใส่กันทั้งนั้น ใครซื้อกังหันจากที่นี่ต้องเอาไปทำพิธีต่อที่วัดกังหันด้วย … ออกจากที่นี่แล้วก็ไปสักการะขอพรหวังต้าเซียนกันหน่อยที่ Sik Sik Yuen Wong Tai Sin Temple (ถ้านั่ง MTR มาเองก็นั่งสายสีเขียวมาลงที่ Wong Tai Sin Station Exit B)

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่วัดกังหันแชกง (Che Kung Temple) ไปถึงก็ซื้อชุดไหว้ เป็นธูปและกระดาษ โดยเราต้องเขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ลงไปบนกระดาษ หลังจากนั้นให้เจ้าหน้าที่ เค้าจะเอาไปทำพิธีและจุดธูปให้ จากนั้นเดินเข้าไปด้านใน จะเจอรูปปั้นของแชกงสูงเท่าตึก 2 ชั้น วิธีการไหว้ขอพรคือต้องสบตาแชกงและพูดออกเสียงสิ่งที่ต้องการขอด้วย หลังจากนั้นให้ไปหมุนกังหัน โดยหมุนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ เป็นอันเสร็จพิธี

ออกจาก Che Kung  Temple ก็ต่อด้วยการเดินทางไปเกาะลันเตาโดยขึ้นกระเช้า Ngong Ping 360 ไปนมัสการพระใหญ่ลันเตา และเที่ยวหมู่บ้านนองปิง … กระเช้านี้อยู่ติดกับ City Gate Outlet เลย เดินนิดเดียวถึง … ขาขึ้นเราขึ้นแบบกระเช้าธรรมดาก่อน แต่ขาลงไป upgrade ตั๋วให้เป็นกระเช้าแบบคริสตัล คือพื้นเป็นกระจก มองลงไปข้างล่างแล้วสูงดี 555++

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=jLE4hUtBa0s&feature=player_detailpage]

ขึ้นมาถึงหมู่บ้านแล้วโอ๋บอกว่าให้ไปกิน kebab ไก่ร้าน Ebeneezer’s เราก็ไม่ขัดอยู่แล้ว อยากกินเหมือนกัน สรุปว่า kebab ร้านนี้อร่อยมากกกกกกก อยากกินต่อแต่มีโปรแกรมต้องไปกิน Honeymoon Dessert ฝั่งตรงข้ามต่อเลยจอดไว้แค่นี้ก้อได้

กิน Kebab เสร็จยังไม่อิ่ม ก็ไปต่อที่ Honeymoon Dessert ฝั่งตรงข้ามทันใด กิน Mango Pancake & สาคูมะม่วง อร่อยทั้งคู่แหล่ะ แต่ไม่ถึงกับโดนจี๊ดจ๊าด

กินอิ่มมีแรงแล้วเตรียมลุยต่อ จากนี้ต้องเดินต่อไปไหว้พระใหญ่ลันเตา สูงใช้ได้เลย เล่นเอาเหนื่อย ^^”

เสร็จจากตรงนี้ก็เหงื่อแตกท่วมตัวละ เดินลงไปหา coke light lemon ซดให้ชื่นใจสักหน่อย ชอบจริงๆเลย เมืองไทยน่าจะมีขายนะ >_<

ออกจากนองปิงแล้วเราก็ขึ้นกระเช้าลงไปด้านล่าง เพื่อไปเดินเล่นต่อที่ City Gate Outlet จริงๆเรื่อง shopping นี่เราไม่ได้สนใจเลย แต่ก็เดินรอเวลารถมารับตอน 18:30 พอขึ้นรถแล้วเราก็ขอให้เค้าไปส่งที่ China Hong Kong City บนถนน Canton ย่านจิมซาจุ่ย เพื่อที่ว่าจะได้ไปจองตั๋วเรือไปมาเก๊าพรุ่งนี้เช้าก่อน (ตอนแรกก็คิดๆอยู่นะว่าจะไปหรือไม่ไปดี เพราะว่าน่าจะเหนื่อยใช้ได้ ต้อง check-out ที่โรงแรมแต่เช้าตรู่ ไปขึ้นเรือ พอกลับมาก็ต้องบึ่งไปสนามบินเลย แต่คิดไปคิดมาก็เอาวะ มาเที่ยวแล้วยอมเหนื่อยหน่อยน่าาาาา) … ไปถึงแล้วก็ไปที่ counter Cotai Jet เลย ตอนนี้กำลังมี promotion เดือนเกิด ได้ราคาพิเศษ ไป-กลับ 198$ บวกเพื่อนได้ 1 คน ก็พอดีเลย จองตั๋วเสร็จเรายังเหลือแรงสามารถไปเดินเล่นต่อกันแถว Mong Kok ได้อีกนะ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะไปกิน Tim Ho Wan ที่โอ๋อยากกินมาก บอกว่าต้องรอคิวเฉลี่ย 2 ชั่วโมง แต่ไปถึง 2 ทุ่มกว่าๆเค้าไม่รับจองแล้ว บอกว่าร้านปิด 3 ทุ่ม เศร้าเลย … ใส่ไว้ใน List สำหรับ HK ครั้งหน้าแล้วกัน ^^”

ชวดจาก Tim Ho Wan เราเลยไปเดินเล่นดู Lady Market แล้วก็ปิดท้ายด้วยเป็ดย่างหมูแดง ร้านนี้อยู่บนถนน Fa Yuen ชื่อร้านอ่านไม่ออก ดูจากความเห็นที่ 1 ของ post ลุงเด้ง ได้เลย อร่อยมากๆ คราวหน้าต้องกลับไปจัดอีก

ต่อด้วย Waffle Ball อร่อยๆ เดินไปกินไปเพลินๆ รู้ตัวอีกทีจะหมดแล้ว แห่ะๆ

กินเสร็จ เดินย่อยอีกหน่อยก็นั่ง MTR กลับ ถึงโรงแรมเกือบเที่่ยงคืนเป็นวันที่ 2 … ใช้เวลาคุ้มเจงๆเลย ^^” สรุปมาค้าง 2 คืนได้อยู่ในโรงแรมจิ๊ดเดียว แค่ใช้อาศัยนอนจริงๆ ไม่คุ้มกับวิวที่ได้เลยเฟ้ยยยย >_<

21 July 2012

วันเกิด ตื่นมาหกโมงกว่าๆ ไม่ใช่อะไรหรอก คือว่าต้องรีบ check out เพื่อไปขึ้นเรือรอบ 9 โมงเช้าให้ทัน วันนี้ไม่ได้กินข้าวเช้าอ่ะ กลัวไปไม่ทัน (& กลัวเมาเรือด้วย ^^”) ตอนแรกว่าจะแวะกินกาแฟระหว่างทาง แต่ไปถึงได้เวลาเข้าไปใน Gate พอดีเลยเอาไว้ก่อนละกัน ระหว่างที่ผ่านเข้าไปใน immigration โอ๋(ซึ่งเตรียมการมาดีมาก) เอายาแก้เมาเรือมาให้กิน ไอ้เรากลัวกินไปแล้วจะ knock ยาว เลยบอกโอ๋ขอแค่ครึ่งเม็ดพอละกันนะ แต่ขนาดกินไปแค่ครึ่งเม็ด ขึ้นเรือไปปุ๊บ หลับปั๊บ ยาวจนเกือบถึงมาเก๊าเลยอ่ะ ระหว่างทางได้ยินเสียงคนเมาเรือโอ๊กอ๊ากเป็นระยะๆ แต่ยาแก้เมาช่วยพวกเราไว้ได้อย่างดี ถึงกินไปแล้วจะง่วงมากก็เถอะ แต่ก็ดีนะ จะได้นอนพักเพิ่ม เพราะนอนน้อยมา 2 คืนแล้ว

เรื่อใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเกาะมาเก๊า ท่าเรือของ Cotai Jet นี้จะไปจอดที่ฝั่ง Taipa (ฝั่งเดียวกับ Venetian) ผ่าน immigration ออกมาแล้ว เราก็ไปขึ้นรถ coach ของโรงแรม Grand Lisboa เพราะโรงแรมนี้จะอยู่ใกล้ๆ Senado Sqaure ที่เราจะไปกัน ซึ่งอยู่บนเกาะมาเก๊า

จากโรงแรม Grand Lisboa ให้เดินตามถนนสายหลัก (Avenida de Almeida Ribeiro) ไปเรื่อยๆ จนเจอ Mc Donald’s แล้วก็เลี้ยวขวา ก็จะเจอ Senado Square ละ

มาถึงตรงนี้แล้วเราก็ไปกินมื้อ Brunch กันหน่อย ร้านนี้อยู่ใน List ที่จะมากินอยู่แล้ว ตามรอยลุงเด้งมาเลย — Wong Chi Kei ร้านจะเป็นตึกแถวห้องเดียว มีหลายชั้น วันที่ไปถือว่าคนยังไม่เยอะ รอคิวประมาณ 15 นาทีก็ได้ละ ไปถึงเค้าจะเสิร์ฟชาจีนร้อนมาให้ทุกโต๊ะอยู่แล้ว อาหารก็ไม่คิดมาก จัดเมนูตามรอยโลดๆ+บะหมี่เกี๊ยวน้ำมาซดซะหน่อย (แต่บะหมี่กรอบราดหน้า สั่งเป็นเนื้อแทน หร่อยดี) ที่ติดใจมากเป็นพิเศษคือ Pork Chop Bread นี่แหล่ะอร่อยจริงๆ มาครั้งหน้าจะมากินอีก ^^

อิ่มหนำเรียบร้อย มีแรงไปต่อกันได้ … เดินออกจากร้านเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอกับ โบสถ์เซนต์ ดอมินิค (St.Dominic’s Church) โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ เมื่อเทียบกับที่เคยเห็นในรีวิวของคนอื่นๆ เลยค่อนข้างสบายๆ

เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอ Ruins of St.Paul’s ตอนที่ไปถึงนี่ร้อนมาก เหงื่อแตกท่วมตัวไปหมด แดดจัดๆ แต่ก็โชคดีอีกเหมือนกันที่คนน้อย ไม่งั้นถ้าทั้งร้อนทั้งแออัดนี่คงแย่กว่านี้เยอะเลย

เสร็จจากตรงนี้ก็แบบว่า ร้อนมากกกกกกกกกก ไม่ไหวแล้ว + โอ๋มีความต้องการคาเฟอีนอย่างแรงกล้า เลยแว่บเข้า Starbucks สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดเดือนที่แล้ว อยู่ด้านข้างของ Ruins of St.Paul’s นี่เลย … ตอนร้อนๆแบบนี้ได้ Frappe เย็นชื่นใจ (+ แอร์ฉ่ำๆใน Starbucks) แล้วดีขึ้นเยอะเลย ^^

ออกจาก Starbucks (แบบไม่อยากจะออก เพราะกำลังเย็นสบาย ^^”) เดินไปขึ้นรถเมล์ไปวัดเจ้าแม่ทับทิม A-Ma Temple รถเมล์จากถนนสายหลักผ่านหลายสายมาก ขึ้นไปแล้วก็หยอดเงินลงในกล่องเลย (ไม่มีทอนนะ) แต่มาเก๊าก็สะดวกดี เพราะถ้ามาจากฮ่องกงก็ใช้เงินฮ่องกงได้เลย ไม่ต้องแลกเป็น MOP และตามร้านค้าก็ยังทอนเป็นเงินฮ่องกงกลับมาให้อีกต่างหาก

ออกจากวัด A-Ma แล้วเราไปไปต่อที่ The Venetian กันเลย เวลามีน้อย ใช้สอยประหยัด เพราะต้องเรือกลับฮ่องกงออกตอน 17:00  — จากหน้าวัดก็ขึ้นรถเมล์ไปยาวๆ ข้ามกลับไปเกาะ Taipa ลงด้านหน้า Venetian เลย สะดวกดี ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเป็น City of Dreams ที่จริงๆแล้วเราได้เดินเข้าไป เผื่อจะยังมีบัตรดู show Dragon’s Treasure เหลือ แต่สุดท้ายก็จ๋อย เพราะเต็มไปซะแล้ว >_<

เข้ามาเดินดูภายใน Venetian ตกแต่งสไตล์เหมือนที่เคยเห็นที่ Las Vegas เลย ค่อนข้างกว้าง มีร้านค้าเยอะ การแสดงมีแทบจะตลอด คนวันนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่แออัดเลย โชคดีๆ 🙂

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=81YHDkoE9ps]

เข้ามาใน Venetian แล้ว เมนูที่ขาดไม่ได้เลยคือ Egg Tart ของ Lord Stow’s อยู่ Unit 2119a, Level 3 อร่อยมากกกกกกก อยากซื้อกลับไทยนะ แต่กลัวเละ แล้วก็ต้องหิ้วยาว (ขี้เกียจด้วย) เลยกินแค่ตรงนี้ละกันนะ ถ้าอยากกินที่เมืองไทยเดี๋ยวไปกินของป๋าต๊อบหรือ KFC แก้อยากไปก่อน ^^”

เสร็จสิ้นภาระกิจที่มาเก๊าแต่เพียงเท่านี้ เวลายังมีเหลืออีกเป็นชั่วโมง ก็ไปเดินเล่นดู Casino ของที่นี่กัน เผื่อจได้เสี่ยงโชคกับเค้ามั่ง เดินไปเดินมาเห็นแต่โต๊ะแพงๆทั้งนั้นเลย bet ขั้นต่ำ 500 !!! นั่นมัน 2000  บาทไทยต่อ 1 ตาเลยนะเฟ้ยยยยย O_o ตอนอยู่ San Diego มีโต๊ะเล่น Black Jack ขั้นต่ำแค่ 5 USD เอง สมเป็น casino hi-so มากมาย แต่ก็ดีแล้ว ไม่งั้นอาจจะหมดตัวฉลองวันเกิดได้ XP เดินเล่นดูสักพักรู้สึกเริ่มเหม็นควันบุหรี่ละ เลยคุยกับโอ๋ว่าลองนั่งรถไปท่าเรือเลยไหม เผื่อเปลี่ยนรอบได้ จะได้กลับก่อน … แต่พอไปถึงเค้าบอกว่าเปลี่ยนรอบไม่ได้ คิดไปคิดมา เอาไงดีหว่า เหลือเวลาอีกชั่วโมงนึง เลยเอาเป็นว่าไปนั่งรถเที่ยวชมเมืองสักหน่อยละกัน เลยกลายเป็นว่านั่งรถของ resort ต่างๆเล่นจนถึงเวลาขึ้นเรือกลับ HK 555++

ขากลับโดนยาแก้เมาไปอีกครึ่งเม็ด ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยา หรือเพราะเหนื่อย หลับยาวจนถึง HK เลย … แต่พอเรือจะจอด เห็นจากหน้าต่างเรือว่าฝนตกแรงมากกกกก ยังคิดว่าเราจะกลับโรงแรมยังไงดีหว่า ร่มก็ไม่ได้เอามา แต่โชคดีที่กว่าจะออกจากเรือ ผ่าน immigration ไป ฝนก็ซาแล้ว ตกแค่ปรอยๆนิดเดียว แบบว่าเดินได้ เลยคุยกันว่าเดี๋ยวไปหาข้าวเย็นกินเลยแล้วกัน ก่อนที่จะต้องกลับไปขึ้นรถไปสนามบินที่โรงแรมตอนประมาณ 19:30 … โอ๋ชวนไปกินร้าน  Tao Heung แถวถนน Carnavon แต่พอไปถึงคิวยาวเลย ต้องรออีก 45 นาที ดูแล้วไม่ทันชัวร์ๆ เลยบอกโอ๋ว่าลองกินร้าน MX ที่เป็น fastfood ง่ายๆที่อยู่ใกล้ๆตรงนั้นแล้วกัน มีเมนูหลากหลายใช้ได้อยู่นะ ไอ้เราติดใจเป็ดย่างหมูแดง จากร้านเมื่อคืนเลยขอซ้ำอีกสักรอบ ออกมารสชาติกลางๆ ไม่อร่อยเท่าเมื่อคืน แต่ก็ถือว่าอร่อยกว่าร้านทั่วไปในเมืองไทยอยู่นะ ใช้ได้ๆ 🙂

ระหว่างกินไกด์ก็โทรมาบอกว่าอีกสิบนาทีจะถึงโรงแรม เราก็จ้ำๆๆรีบกินเลย ^^” กินเสร็จระหว่างทางโอ๋ขอจัดน้ำมะม่วงทิ้งท้ายอีกที ไปถึงโรงแรมไกด์ (และลูกทัวร์คนอื่นๆ) ก็มารออยู่ที่โรงแรมอยู่แล้ว เกรงจายเลย >_< ไปถึงสนามบินค่อนข้างเร็วเลยแหล่ะ ประมาณ 20:15 แต่เครื่องออกตั้ง 23:40 ตอนแรกคิดว่าเออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเดินเล่นซื้อขนมฝากพวกที่ทำงาน + shop ในสนามบินแก้เซ็งก็ได้ฟะ … แต่ดันโชคร้ายหนักกว่าเดิม เพราะพอ check-in ที่ counter แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องบินอาจจะดีเลย์ ไม่สามารถบอก gate  ณ ตอนนี้ได้ รอตอนสี่ทุ่มค่อยดูหน้าจออีกทีละกันนะว่าจะดีเลย์หรือเปล่า แล้วก็แจก voucher อาหารให้คนละ $60 (สุดท้ายเอาไปกิน Ben & Jerry กับ Starbucks คนละแก้ว เพราะไม่หิว) สุดท้ายเดินเล่นก็แล้ว ซื้อของฝากก็แล้ว กินก็แล้ว นั่งรอก็แล้ว ไฟล์ทก็ยังไม่ update สักที จนราวๆตี 2 ถึงประกาศ Gate ออกมาได้ สรุปเครื่องออกตอนเกือบตีสี่!! Delay 4 ชั่วโมงเลยนะเฟ้ยยยย T-T เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องติดพายุจาก Beijing เลยมาช้า เฮ่อออ สรุปสุดท้ายกลับถึงบ้านตอน 7 โมงเช้า กลับมาสลบสไลหลับยาวเลยเรา

สรุปทริปนี้เป็นทริปที่ทรหดมาก เพราะใช้เวลาคุ้มค่าทุกนาที แทบไม่ได้อยู่ในโรงแรมเลย แถมวันสุดท้ายยังซ้ำเติมด้วยเครื่องดีเลย์อีก (แต่หลังจากที่เรากลับมาก็มีข่าวออกว่า flight ไปฮ่องกงมี cancel เยอะเลยเพราะพายุเข้า ก็แอบคิดว่ายังดีนะ ที่ทริปเราไม่โดนพายุ มีฝนตกนิดหน่อยแค่วันสุดท้าย นอกนั้นฟ้าโปร่ง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกลับมีความรู้สึกสนุกกับทริปนี้มาก เพราะได้เที่ยวอย่างเต็มที่ ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากจริงๆ แถมกลับมาแล้วรู้สึกอยากกลับไปอีก เพราะอาหารอร่อยเยอะแยะมากมาย ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีสีสัน ร้านค้าต่างๆเปิดยันเที่ยงคืน เดินดูอะไรๆได้เรื่อยๆสนุกดี ยังมีร้านอีกหลายร้านที่อยากกลับไปลอง มี Disneyland ที่ยังอยากไป รวมทั้งร้านอาหารหลักๆตามลิสต์นี้เลย ครั้งหน้าอยากไป

– Tim Ho Wan — ร้านนี้ปิด 3 ทุ่ม แต่ควรไปจองล่วงหน้าก่อนที่คิดว่าจะหิวสัก 2 ชั่วโมงนะ
– Charlie Brown Cafe
Sea View Congee
Nathan Noodle & Congee
Jade Garden

แต่ครั้งหน้าไม่มีกลับไปมาเก๊าแล้ว เพราะว่าไม่มีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษ  ไปมาครั้งนึงก็พอละ อยู่แต่ในฮ่องกงดีกว่าหลายเท่า ครั้งหน้าไม่แน่นะ ไปสัก 4 วัน 3 คืนเลยดีแมะ เผื่อเก็บทั้ง Disneyland & Ocean Park ไปเลย (จะไหวมั๊ย?) XP

Comments