เริ่มจากคืนวันที่ 31 Dec 2012 เราไปฉลองปีใหม่ที่ร้าน Indy SeaBar ตรงแจ้งวัฒนะ เพราะอยู่ใกล้คอนโด พอทานข้าวเสร็จก็จ่ายเงินด้วยบัตร Central Card แล้วกลับคอนโดไปไม่มีอะไร ตื่นเช้ามาราวๆสิบเอ็ดโมงกว่าๆได้ มี sms แจ้งจากทาง centralcard ว่าเราไปรูดบัตรที่ร้าน winner telecom สองหมื่นกว่าบาท …รีบเปิดกระเป๋าตังค์เช็คดูเลยรู้ว่าบัตรไม่อยู่ในกระเป๋า แล้วก็รำลึกได้เลยว่าต้องลืมไว้ที่ร้าน Indy SeaBar แน่นอน เบื้องต้นเลยขออายัตบัตรก่อน แล้วขอยอดการใช้งานล่าสุดทั้งหมดออกมาด้วยว่าใช้ไปที่ไหนยังไงบ้าง ปรากฏว่าคนที่เอาไปรูดใช้ไปหลายรายการก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่มี sms มาเตือน เพราะ sms alert ของ centralcard จะส่งเตือนเมื่อมียอดการใช้งานเป็นหลักหมื่นขึ้นไป แต่คนร้ายเอาไปรูดพวกเสื้อผ้า รองเท้า สูท watsons มาก่อน จนกระทั่งสุดท้ายเอาไปรูดซื้อ iphone5 ที่ร้าน winner telecom เราเลยได้ sms ในที่สุด … เบ็ดเสร็จเอาไปรูดสี่หมื่นกว่าบาท

หลังจากอายัตบัตรแล้วเราก็ไปแจ้งความ เรื่องตอนแจ้งความนี่ก็น่าหงุดหงิดมาก เพราะตอนแรกไปที่สน.ปากเกร็ดก่อน แต่เค้าบอกว่าทำบัตรหายที่ indy ต้องไปสน.ทุ่งสองห้องที่เป็นท้องที่ที่ สุดท้ายพอไปสน.ทุ่งสองห้อง เค้าก็บอกว่าต้องกลับไปที่ปากเกร็ด เพราะเป็นที่ที่เรารู้ตัวว่าทำบัตรหาย -_- โยนกันไปโยนกันมาจนเซ็ง ในที่สุดทางผู้หมวดวิทยาแห่งสน.ปากเกร็ดก็รับทำคดีให้ แต่จริงๆขอบอกว่าเรารับหน้าที่เป็นนักสืบเองทั้งหมดนะ หุ หุ เริ่มจากขอหมายจากผู้หมวด เพื่อไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้าน winner telecom ก่อน จนรู้ว่าเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้าน indy นั่นแหล่ะ ที่เป็นคนเอาการ์ดไปรูด เลยแจ้งกลับมาทางสน. ซึ่งตอนแรกไม่สนใจคดีเราเลย แต่ได้อี๊ที่เป็นตำรวจยศพันเอก โทรไปคุยกับผู้กำกับที่สน.จนทำให้ได้ทีมสืบสวนไปตามจับคนร้ายจนได้อย่างเร็ว (เรารู้ตัวว่าบัตรหายเช้าวันที่ 1 มกรา และเข้าแจ้งความเลย, วันที่ 2 มกราเราส่งหลักฐานให้ทางตำรวจหมด + อี๊เราโทรคุยกับผู้กำกับ, วันที่ 3 มกรา จับคนร้ายได้) สรุปว่าคนร้ายนี่เป็นเขมรเข้ามาทำงานในเมืองไทย ทำไมมาทำกับคนไทยแบบนี้ฟระ!!

จากที่คุยกับทางตำรวจที่จับคนร้ายมาได้ คนร้ายบอกว่าเวลามีคนไปทานข้าวแล้วก็เก็บบัตรเครดิตลูกค้าไว้ในกระเป๋า หลังจากที่ cashier ใส่มาให้พร้อม slip ที่ต้องให้ลูกค้าเซ็นต์ … ถ้าลูกค้าถามหาก็ค่อยเอามาคืนให้ทีหลัง แต่ถ้าไม่ถามก็เก็บไว้แบบเคสของเราที่ลืมจริงๆ สรุปว่าเคยทำแบบนี้มาแล้ว แต่คนอื่นอาจจะแจ้งอายัติทัน หรือไม่สามารถจับได้ เพราะไปแจ้งตำรวจก็ไม่เห็นจะดำเนินการอะไรให้ หรือถ้าไม่มีเส้นก็คงจบด้วยการแจ้งความทิ้งไว้เฉยๆแบบนั้น

หลังจากนั้นเราก็ได้ให้หลักฐานทั้งหมดกับทาง centralcard ซึ่งก็ได้ประสานงานกับทางผู้หมวดวิทยา และ waive หนี้ทั้งหมดนั้นให้เราไปพร้อมทั้งออกบัตรใหม่ให้

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:

1. เราต้องมีความรอบคอบ มีสติให้มากกว่านี้

2. ระบบราชการไทยนี่มันแย่จริงๆ ผลักการทำงานกันไปกันมา สงสารประชาชนที่เค้ามีเรื่องเดือดร้อนมากกว่าเรา ถ้าไม่มีเส้นสายจะทำยังไง

สรุปว่าเกิดเรื่องตั้งแต่วันแรกของปี 2013 สมเป็นปีชงจริงๆ  ไม่รู้จะบอกว่าแม่นดีมั๊ยนะ …!

Comments